อุณหภูมิการเมืองไทยร้อนที่สุดในวันนี้ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาบ

อุณหภูมิการเมืองไทยร้อนที่สุดในวันนี้ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาบางส่วนระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชาที่หลุดออกมา คลิปเสียงนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ทั้งในเรื่องวิธีการแก้ปัญหาชายแดน ท่าทีทางการทูตที่ดูเหมือน ‘อะไรๆ ก็ยอม' กระทั่งข้อกล่าวหาว่า ‘ขายชาติ' โดยมีบางการวิเคราะห์ไปในทำนองที่ว่า นี่อาจเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดของรัฐบาลชุดนี้ก็เป็นได้

ประชาไทรวบรวมท่าที และทิศทางความเห็นทางการเมืองของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

• ผู้นำฝ่ายค้านออกมาเตือนถึงบางกลุ่มว่าอย่าฉวยโอกาสดันทหารนำรัฐบาลพลเรือน
• ‘พรรณิการ์-ปิยบุตร' 2 แกนนำคณะก้าวหน้าเรียกร้องนายกฯ ยุบสภาเพื่อแก้ปัญหา
• รองโฆษกฯ เพื่อไทยออกมาโต้ รัฐประหารจะไม่เกิด ถ้าไม่มีฝั่งพลเรือนปลุกปั่นเรื่องนี้
• ส่วนทางด้านกลุ่มอนุรักษนิยมสุดโต่งนัดลงถนนไล่นายกฯ พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า
• ‘เรืองไกร’ เตรียมร้อง กกต. ตรวจสอบคลิปเสียง ‘ฮุนเซน’ มองเป็นเหตุให้ นายกฯ มีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
• พบภาพ ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ พร้อมข้อความให้กำลังใจ ขึ้นโชว์จอ LED หน้าสโมสรทหารบก วิภาวดี

เท้งเตือนบางกลุ่มอย่าฉวยโอกาสขยายความขัดแย้ง แนะรัฐบาลคุมกองทัพให้ได้

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กความเห็นของตนและข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ดังนี้

1. เห็นเช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี ในเรื่องเป้าหมายในการบริหารจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คือ การกลับสู่ภาวะปกติและสันติภาพระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ขยายความขัดแย้งจนกระทบต่อพี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศ
2. การเจรจาพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ สามารถทำได้ทั้งผ่านช่องทางที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ แต่ตนก็คาดหวังว่าแพทองธารจะสื่อสารกับผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีวุฒิภาวะและมีเกียรติภูมิในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาของส่วนรวม ไม่ใช่สื่อสารในฐานะหลานสาวของผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขปัญหาการเมืองส่วนตัว
3. การแสวงหาความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชาเพื่อลดความตึงเครียดตามแนวชายแดนและคืนชีวิตความเป็นอยู่อันปกติสุขให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศเป็นสิ่งที่ดี โดยหากแพทองธารไม่ต้องการแค่ลดแรงกดดันทางการเมืองต่อตัวเองเฉพาะหน้าเท่านั้น สิ่งที่ตนคาดหวังจะได้ยินจากนายกรัฐมนตรีไทยในการพูดคุยกับผู้นำของกัมพูชาด้วย แต่กลับไม่ได้ยิน คือการโน้มน้าวให้ผู้นำกัมพูชาเห็นว่า การนำข้อพิพาทเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาไปสู่ศาลโลกนั้น ไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศเพื่อนบ้านโดยยังรักษาความรู้สึกที่ดีต่อกัน  ดังนั้น ควรใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว และช่วยกันลดบรรยากาศที่อาจทำให้ประชาชนของทั้งสองประเทศเกลียดชังต่อกัน
4. ส่วนสิ่งที่ไม่ควรออกจากปากผู้นำไทยคือการสื่อสารกับผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านว่ากองทัพไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามทั้งกับรัฐบาลไทยและกัมพูชา ทั้งๆ ที่แพทองธารเป็นคนแถลงต่อสาธารณะเองหลายครั้งว่ารัฐบาลมอบหมายให้กองทัพตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการเปิดปิดด่าน และไม่มีความแตกแยกระหว่างกองทัพกับรัฐบาล
5. ตนตระหนักดีว่า มีบุคคลบางกลุ่มต้องการขยายความขัดแย้งและฉวยใช้สถานการณ์ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองทั้งในไทยและในกัมพูชา ตนไม่อยากเห็นฝ่ายใดฉวยโอกาสนี้ไปทำให้กองทัพมีอำนาจเหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ คือนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องแสดงบทบาทนำในการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาให้ได้โดยเร็ว โดยจำกัดบทบาทของกองทัพให้ปฏิบัติหน้าที่และสื่อสารเฉพาะที่รัฐบาลสั่งการเท่านั้น
6. นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะมีบทบาทนำในการคลี่คลายสถานการณ์ไทย-กัมพูชาได้ ก็ต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เท่าทันสถานการณ์ และแสดงออกให้ประชาชนเชื่อมั่นหรือไว้วางใจ แต่บทสนทนาที่ปรากฏในคลิปเสียงระหว่างแพทองธาร กับฮุน เซน กลับยิ่งทำลายความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนต่อนายกรัฐมนตรีของพวกเขาลงอย่างสิ้นเชิง

“หากนายกรัฐมนตรีไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของประชาชนไทยให้กลับมาได้โดยเร็ว ผมขอเรียกร้องให้คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยด้วยการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชน และเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลบางกลุ่มปลุกปั่นความผิดพลาดของคุณแพทองธารให้บานปลายจนนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตยของเรา”

พรรณิการ์เรียกร้อง ‘ยุบสภา’ ชี้แค่ลาออกไม่พอ เพราะอาจมี ‘ตาอยู่'

ขณะที่ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวในรายการพักการเมือง ออกอากาศทางช่องยูทูบ Jomquan ว่า นี่เป็นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดของรัฐบาลในรอบ 2 ปี โดยตนเองได้ฟังคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกแพทองธาร กับฮุน เซนถึง 3 รอบ และก็มองว่าเรื่องนี้ “ถึงขั้นยุบสภา”

ก่อนหน้านั้นพรรณิการ์ได้โพสต์ 4 เหตุผลที่นายกต้องรับผิดชอบด้วยการยุบสภาไว้ทางเอกซ์ ดังนี้

1. ไม่รักษาเกียรติภูมิผู้นำประเทศ ด้วยการแสดงความสนิทสนมกับผู้นำประเทศอื่นในฐานะหลานสาว
2. ยอมรับกับผู้นำต่างชาติ ว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่เป็นเอกภาพกัน
3. ไม่มีความพยายามในการชี้แจงประเด็นสำคัญอันเป็นหัวใจของการคลี่คลายความขัดแย้งไทย-กัมพูชา คือการโน้มน้าวให้กัมพูชาหันมาเจรจาทวิภาคี แทนการขึ้นศาลโลก
4. ในทางตรงกันข้าม กลับมุ่งแต่แก้ปัญหาการเมืองภายในของตนเอง ด้วยการยอมรับว่าขณะนี้ตนโดนวิจารณ์หนัก

พรรณิการ์ยังกล่าวในรายการพักการเมืองอีกด้วยว่า การทูตในช่องทางที่ไม่เป็นทางการ เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกัน แต่ในเรื่องของท่าทีก็ควรต้องเท่าเทียมกัน แต่ในครั้งนี้ “โดย gesture ไม่ได้เป็นการสนทนาที่เท่าเทียมกัน ไม่ควรที่เราจะอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่า”

พรรณิการ์กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายต่อความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจของรัฐบาล ตนจึงมองว่าการยุบสภาคือทางออกของวิกฤต กระทั่งนายกฯ ลาออกก็ไม่เพียงพอ “ถ้าลาออกแล้วเลือกนายกฯ ใหม่ พล.อ. ประยุทธ์ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่ เดี๋ยวจะมีตาอยู่” รวมถึงตนก็คิดว่าประชาชนอาจต้องการตัดสินใจใหม่อีกครั้ง

ปิยบุตรจี้ยุบสภา เลี่ยงทางตันที่อาจนำไปสู่การเกิดรัฐประหาร

ทางด้าน ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเช่นกัน จากกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุนเซน และกรณีความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยในเรื่องการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จนกระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาล ประกอบกับ เกือบ 2 ปีภายใต้รัฐบาล “ข้ามขั้ว” นี้ พรรคเพื่อไทยไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้ จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ได้ตัดสินใจกันใหม่ว่าต้องการให้ใครเป็นรัฐบาล เพื่อแก้วิกฤตการเมืองในระยะสั้น ทั้งของประเทศ และทั้งของพรรคเพื่อไทยเอง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถึงทางตัน และเพื่อไม่ให้สถานการณ์เดินไปจนเข้าทางพวกจ้องรัฐประหาร

รองโฆษกฯ เพื่อไทยโต้ รัฐประหารจะไม่เกิด ถ้าไม่มีพลเรือนปลุกปั่น

ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นตอบโต้ปิยบุตร ระบุว่านายกรัฐมนตรีกำลังพยายามแก้ปัญหาต่างๆ อยู่ และการรัฐประหารจะไม่เกิด หากไม่มีการสนับสนุนจากฝั่งพลเรือนที่ปลุกปั่นความขัดแย้ง

“อ.ปิยบุตร ควรใช้รัฐประหาร มาขู่รัฐบาลพลเรือน หรือไม่ !? ภายใต้บรรยากาศความผันผวนของปัญหาเศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ผมเห็นท่านนายกรัฐมนตรีพลเรือนคนนี้ พยายามทำทุกทางด้วยวิธีสันติ เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศให้มากที่สุด และผมเห็นความพยายามทางการเมือง ที่จะปรับเปลี่ยนรัฐบาล ให้มีความคล่องตัว และผลักดันการแก้ปัญหาให้ได้ ผลักดันนโยบายให้ได้ ให้เกิดประโยชน์กับประชาชน แม้ต้องเผชิญความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพ การรัฐประหาร “จะไม่เกิด” ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากพลเรือนที่ปลุกปั่นความขัดแย้ง และผมเชื่อมั่นว่าปัจจุบันรัฐบาลและกองทัพทำงานด้วยกันได้ดีอย่างเป็นมืออาชีพและเป็นเอกภาพ ผมมั่นใจว่าความชัดเจนและตั้งใจจริง ของท่านนายกแพทองธาร จะทำให้ประเทศผ่านสถานการณ์ต่างๆ นี้ไปได้อย่างเรียบร้อยครับ”

กลุ่มขวาสุดโต่งประกาศ ‘ไล่นายก’ เหตุ ‘ไม่ปกป้องศักดิ์ศรีของชาติ'

เต้ อาชีวะ บุรณพนธ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน โพสต์ทางเฟซบุ๊กหลายโพสต์ถึงกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ กับฮุนเซนว่า เรื่องนี้เป็นการ “ไม่ปกป้องศักดิ์ศรีของชาติ” โดยเรียกร้องให้นายกฯ ออกจากการเป็นผู้นำประเทศ ตนเองนั้นขอให้กำลังใจทหาร

“พี่น้อง คนไทยที่รักชาติ ถ้าจะบุกสภา หรือทำเนียบ เพื่อให้มันแสดงออกถึง“ความรับผิดชอบ” พวกท่านพร้อมออกมาสู้ไหม ครั้งนี้รวมใจเป็นหนึ่ง เอาชาติก่อน ผมจะประกาศไปสภา หรือทำเนียบ ให้ท่านได้ทราบ หากท่านพร้อมสู้ เราต้องออกมาช่วยกันกู้ศักดิ์ศรีของชาติ” เต้ อาชีวะระบุ

ขณะที่ พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนประชาชนออกมาร่วมชุมนุมขับไล่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันพรุ่งนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 10.00 น.

พิชิต ระบุว่าระบอบฮุนเซน ก็ไม่ต่างจาก ระบอบทักษิณ ทั้ง 2 ระบอบ ฮุน-ชิน ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้าทำลายประเทศของตนเอง ฮุนเซน ใช้ลูกปกครองประเทศและยึดกองทัพยึดสื่อ ทำลายพรรคการเมืองคู่แข่งจนหมด ขณะที่ชินวัตร ใช้ลูก เครือญาติ บริหารประเทศ และทำลายพรรคการเมือง ด้วยการดูดมาร่วมรัฐบาล ไม่พอใจก็ขอคืนเก้าอี้

ทั้งนี้ กลุ่ม คปท.ได้ปักหลักชุมนุมที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ โดยก่อนหน้านี้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกรณีการส่งตัวทักษิณ ชินวัตร เข้ารับการรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ และคัดค้านการออกร่างกฎหมาย Leisure Advanced

‘เรืองไกร’ เตรียมร้อง กกต. ตรวจสอบคลิปเสียง ‘ฮุนเซน’ มองเป็นเหตุให้ นายกฯ มีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

พบภาพ ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ พร้อมข้อความให้กำลังใจ ขึ้นโชว์จอ LED หน้าสโมสรทหารบก วิภาวดี

เฟซบุ๊กเพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โพสต์ภาพ ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ พร้อมข้อความให้กำลังใจ ขึ้นโชว์จอ LED หน้าสโมสรทหารบก วิภาวดี

ขณะที่อมรินทร์ออนไลน์รายงานว่า มีการขึ้นภาพแม่ทัพภาคที่ 2 ในพื้นที่สโมสรทหารบกมาก่อน 2-3 วันแล้ว หลังจากมีการปรากฏภาพให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่2 ในลักษณะเดียวกันนี้ที่จังหวัดอุดรธานี