
ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกไผ่-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา 2 ปี 12 เดือน ยืนตามศาลชั้นต้น จากการปราศรัย ที่อำเภอภูเขียว บ้านเกิดของเขา สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ ครั้งนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว แม้ว่าจะได้ยื่นประกันแล้วถึง 2 ครั้ง หลังถูกขังที่เรือนจำมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์
ไผ่ นักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้า วัย 34 ปี เริ่มต้นทำกิจกรรมด้านชุมชนและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มเรียนปริญญาตรี หลังรัฐประหาร 2557 เราได้เห็นภาพนักกิจกรรมกลุ่มดาวดิน 5 คน ใส่เสื้อสีดำมีข้อความว่า “ไม่เอารัฐประหาร” ยืนอยู่บนสนามหน้าศาลากลาง จ.ขอนแก่น ต่อหน้า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช.
หลังจากนั้น ปลายปี 2559 เขาถูกเจ้าหน้าที่ทหารแจ้งความดำเนินคดีมาตรา 112 และถูกคุมขังไปเป็นเวลา 2 ปีเศษจากการแชร์ข่าวพระราชประวัติรัชกาลที่ 10 จากเพจ BBC Thai เมื่อพ้นโทษได้รับการปล่อยตัว ไผ่ได้รวมกลุ่มทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ เพื่อเรียกร้องการเลือกตั้ง และเข้าสู่ประเด็นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในปี 2563 เป็นต้นมา
เขาเป็นนักกิจกรรมที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดี-จับกุมคุมขัง เป็นคดีอาญามากถึง 21 คดี โดยในจำนวนนี้เป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 2 คดี ไผ่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำหลายรอบ รวมๆ แล้วเป็นเวลาเกือบ 3 ปี จากช่วงเวลาที่ไปทำงานกิจกรรมเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองประมาณ 10 ปี
ในการถูกคุมขังครั้งล่าสุด เขามีทัศนะอย่างไรกับทิศทางการเมืองและการเคลื่อนไหวต่อจากนี้
เราเริ่มต้นด้วยคำถามว่า ติดคุกมากี่ครั้งแล้ว แล้วครั้งนี้คิดว่าจะได้ประกันไหม? ไผ่ใช้เวลาคิดเล็กน้อยก่อนตอบว่า “หลายครั้งจนผมจำไม่ได้แล้ว แต่สงสัยว่ารอบนี้น่าจะติดยาวเลยว่ะพี่”
เมื่อถามว่าคิดยังไงกับการที่พรรคประชาชนโหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ? ไผ่บอกว่ารับรู้สถานการณ์ทางการเมืองอย่างดีจากการเข้าเยี่ยมของทนายและเพื่อนๆ นอกจากรับรู้เหตุการณ์หลักๆ อาทิเช่น อดีตนายกฯ ทักษิณถูกคุมขังในเรือนจำ หรือคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจะต้องไม่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง เขายังได้ทราบเรื่องราววิวาทะขัดแย้งระหว่างพรรคและผู้สนับสนุน 2 พรรคใหญ่ เพื่อไทยและประชาชนที่ยืดเยื้อยาวนาน ดูไม่สิ้นสุด
อย่างไรก็ดี ไผ่ขอไม่แสดงความเห็นหรือความรู้สึกต่อการโหวตของพรรคประชาชน แต่ย้ำว่า “ยังไงขอให้ยุบสภาโดยเร็วที่สุด”
“อยากให้พวกที่อยู่ข้างนอกทบทวนการต่อสู้ที่ผ่านมา เราสู้ถึงที่สุดแล้ว เสียชีวิต ติดคุก ลี้ภัยก็เยอะ การทะเลาะตอบโต้กันไปมาทั้งในสภาและในโซเชียลมีเดีย ไม่เป็นผลดี ไม่เกิดประโยชน์กับใคร สิ่งที่เราแต่ละฝ่ายควรจะต้องเร่งทำคือการสรุปบทเรียน”
“หากทบทวนให้ดีแล้วจะเห็นว่า เรา (ผู้สนับสนุนทั้งสองพรรค) มีจุดร่วมกันมากกว่าจุดต่าง ถ้าไม่ร่วมมือกันตอนนี้ แล้วจะร่วมกันตอนไหน ผมคิดว่าเราต้องหาเป้าหมายในการต่อสู้ร่วมกัน ก่อนอื่นต้องแสวงหาความเป็นเอกภาพและความสามัคคีในขบวนการเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตย”
“หาเป้าหมายร่วมกันให้เจอ เอาพลังที่เรามีร่วมกันมุ่งไปสู่เป้าหมาย”
“อิสรภาพของคนในเรือนจำ ขึ้นอยู่กับความสามัคคีในขบวนการประชาธิปไตยทุกฝั่งฝ่าย”
เมื่อถามว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเขายุติการต่อสู้คดี ให้คดีสิ้นสุดและขออภัยโทษน่าจะดีกว่าไหม? ไผ่ตอบว่า “ไม่ต้องห่วงผม ผมชินแล้ว” เขาเห็นว่ามันเป็นขบวนการต่อสู้ที่สืบเนื่องมาจากปี 2563
“มันไม่เหมือนกับการที่ผมถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดจากแชร์ข่าว BBC ซึ่งตอนนั้นมีแค่ผมคนเดียว ตอนนี้ทนายอานนท์ก็ยังติดคุกและยังต่อสู้อยู่ พวกเรายังต่อสู้อยู่ ผมก็จะต่อสู้ในแนวทางเดียวกัน เรายังยืนยันว่ายังต่อสู้อยู่ .. อานนท์สู้อยู่ ผมก็จะยังสู้อยู่”
เมื่อถามว่าดูจากที่ศาลไม่ให้ประกันตัว และลงโทษนักกิจกรรมคนอื่นๆ ในข้อหาที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์อย่างหนัก ส่วนเขาเองก็คิดว่าน่าจะติดยาว คิดว่าทางออกคืออะไร?
“ผมเชื่อว่าข้อหาทั้งหมดที่ตัวเองและบรรดานักเคลื่อนไหวทางการเมืองได้รับ เป็นคดีการเมืองผมฝากความหวังไว้กับการเลือกตั้ง ปัญหาการเมืองต้องได้ใช้วิธีทางการเมืองแก้ไข ควรมีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว”
ไผ่ยังคาดหวังว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น จะสะท้อนฉันทามติของประชาชนที่มีต่อนักโทษทางการเมือง
“ผมเชื่อว่าพวกเราจะได้รับอิสรภาพจากการนิรโทษกรรม หลังผลการเลือกตั้งครั้งใหม่ออกมา ให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้ง หาฉันทามติในประเด็นสำคัญต่างๆ จากนโยบายพรรคการเมืองเพื่อเปิดทางให้กฎหมายปฏิรูปต่างๆ เดินหน้าได้”
เมื่อถามว่า ถ้าคิดว่าติดยาวแน่ ข้างนอกมีอะไรเป็นห่วงไหม?
“ไม่ต้องเป็นห่วงผม ระหว่างที่ผมต้องถูกกักขังอยู่ในเรือนจำ ผมอยากขอให้ทุกคนที่เห็นปัญหาช่วยสนับสนุน กิจกรรมของ ConThai ถ้าใครคิดว่าระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญในประเทศไทย ต้องได้รับการพัฒนาให้ดีกว่าที่มันเป็นอยู่ อยากให้สนับสนุนพวกเรา
“กลุ่มที่จัดกิจกรรม ConThai เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว เป็นผลผลิตจากการต่อสู้ในปี 2563 พวกเราเชื่อว่าการต่อสู้ในปี 2563 ยังไม่มีสิ้นสุด เพียงแต่รูปแบบการต่อสู้ต้องปรับเปลี่ยนไป ถึงผมยังต้องอยู่ในเรือนจำ แต่น้องๆ ที่ยังทำงานอยู่ ซึ่งในตอนปี 63 พวกเขายังเป็นเด็กนักเรียนมัธยมหรือนักศึกษา แต่ตอนนี้ พวกเขาเติบโตขึ้น ผมว่าเขาสามารถเคลื่อนกิจกรรมต่อไปเรื่อยๆ ได้ แต่อยากให้มีผู้ให้การสนับสนุนในการทำกิจกรรมกับพวกเขา
“แม้กระแสการเมืองซบเซา พวกเขาจัดกิจกรรมรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ตั้งใจเดินสายครบ 77 จังหวัด เพื่อให้ประชาชนเห็นปัญหาและมีส่วนในการออกแบบรัฐธรรมนูญ เพราะปัญหาการเมืองปัจจุบันเกิดจากรัฐธรรมนูญ”
ท้ายที่สุด จตุภัทร์ฝากความหวังไว้ว่า หากไม่ได้ออกมา อยากให้ทีมงานเดินหน้ารณรงค์ต่อไป เน้นการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่สืบทอดจากเผด็จการ เพื่อคืนความปกติให้กับกติกาเลือกตั้งและกลไกรัฐสภา พร้อมชี้ว่าปัญหาขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญต้องแก้ด้วยรัฐธรรมนูญใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วม
“พวกเรา ยังเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานไปตามสถานการณ์ทางการเมือง ก่อนหน้านี้เราทำงานเคลื่อนไหวทางการเมืองบนถนน ตอนนี้เราปรับรูปแบบมาการทำงานรณรงค์ทางการเมืองมากขึ้น…เรารู้ว่าในปี 63 เราพ่ายแพ้ แต่เราไม่หยุดที่จะต่อสู้”
ConThai หรือ Constitution Thailand ‘รัฐธรรมนูญใหม่ใกล้ฉัน’
คาราวานรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ 77 จังหวัด เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความหวังของประชาชนในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองไทย โดยการสร้างพื้นที่แสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มีเป้าหมายร่วมกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
กลุ่มดังกล่าวเชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้มีแค่ในรัฐสภาเท่านั้น ประชาชนอย่างเราก็สามารถมีส่วนร่วมในการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญได้เช่นกัน โดยมีทั้งกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ทั้งดนตรี บูธแจก pop co(r)n รัฐธรรมนูญพูดได้ให้ผู้เข้าร่วมมาพูดคุย เสวนาว่าด้วยเรื่องรัฐธรรมนูญ มีกล่องอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจำลองที่พร้อมรับฟังความคิดเห็นทั่วประเทศ
ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )