เพื่อไทย-ประชาชน หัก ภูมิใจไทย 300:287 โหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับพริษฐ์ เป็นร่างหลัก

พรรคเพื่อไทย-พรรคประชาชน ขอลงคะแนนใหม่ หลังที่ประชุมรัฐสภา ลงมติรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก แต่คะแนนห่างกันเพียง 5 คะแนน ก่อน เพื่อไทย จับมือ ประชาชน โหวตให้ร่างฯของนายพริษฐ์ เป็นร่างหลักด้วยคะแนน 300 ต่อ 287 เสียง

สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สส.และสว.) ลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร แก้ไขเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพิ่มหมวด 15/1 เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับคณะ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูลกับคณะ โดยให้ร่างฯ ของนายพริษฐ์ เป็นร่างหลักในการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างฯ จำนวน 43 คน ทั้งนี้ ผลการลงมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง มีดังนี้

• ฉบับที่ 1 ของนายพริษฐ์ เห็นชอบ จำนวน 568 เสียง ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง และมีเสียง สว. เกิน 1 ใน 3 หรือ 66 เสียง ฉะนั้น ถือว่าที่ประชุมรับหลักการ

• ฉบับที่ 2 ของนายอนุทิน เห็นชอบ จำนวน 629 เสียง ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง และมีเสียง สว. 167 เสียง เกิน 1 ใน 3 ถือว่าที่ประชุมรับหลักการ

อ่านประกอบ : รัฐสภา เห็นชอบ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรกของพรรคภูมิใจไทย-ประชาชน คว่ำ ‘ฉบับเพื่อไทย’

รายงารข่าวระบุว่า ในช่วงของการลงมติและขานคะแนนว่าจะเห็นชอบให้ร่างฯของใครเป็นร่างหลักในการพิจารณาในชั้นกมธฯ ระหว่างร่างฯของนายอนุทิน กับร่างฯของนายพริษฐ์ เนื่องจากมีทั้ง สส.และสว.ที่ขอลงคะแนนด้วยการขานชื่อ หลังจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ประธานในที่ประชุม ให้กดบัตรออกเสียงไปแล้ว ซึ่งปรากฎว่าผลคะแนนจากการกดบัตรลงแนนมีคะแนนเท่ากัน คือ 290 ต่อ 290 คะแนน และเมื่อรวมกับคะแนนที่มีการขานชื่อลงคะแนน ปรากฎว่า มีคะแนนห่างกันเพียง 5 คะแนน คือ เห็นชอบให้ร่างฯ ของนายอนุทินกับคณะเป็นร่างหลัก ด้วยคะแนน 297 เสียง ต่อ 292

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกรัฐสภา จากพรรคเพื่อไทย อาทิ นายวัชระพล ขาวขำ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ขอให้ลงมติใหม่อีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่า มีการลงมติโดยการขานซ้ำกับการออกเสียงด้วยการกดบัตรลงคะแนน เนื่องจากที่ผ่านมาเคยมีการกดบัตรด้วย ขานชื่อด้วย แต่นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สมาชิกรัฐสภา จากพรรคภูมิใจไทย เสนอว่า เมื่อมีการลงคะแนนทั้งการกดแบบ และการขานชือ ขอให้เพียงตรวจว่า ไม่มีการลงคะแนนซ้ำกัน ไม่จำเป็นต้องลงคะแนนใหม่ ไม่เช่นนั้น หากมติไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็ขอให้ลงมติใหม่ ซึ่งเป็นหลักการที่ไม่ถูกต้อง หรือทำได้ เพียงแค่นับคะแนนใหม่ ไม่ใช่การลงมติใหม่

ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สมาชิกรัฐสภา จากพรรคประชาชน เสนอญัตติโดยอาศัยตามข้อบังคับข้อที่ 58 และมีสมาชิกรับรองเกิน 40 คน ว่า การลงมติตามข้อบังคับข้อที่ 56 (1) คือ การใช้บัตรกดลงคะแนน หากมีกรณีที่มีคะแนนเสียงต่างกัน ไม่เกิน 30 คะแนน ก็ขอให้มีการนับคะแนนใหม่ได้ แต่การขอนับคะแนนใหม่จะต้องเป็นไปตามข้อ 56 (2) ต้องมีการเรียกชื่อสมาชิกรัฐสภาตามลำดับตัวอักษรให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคน

สุดท้ายนายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยว่า ตามข้อบังคับข้อ 58 เมื่อผลการลงมติมีคะแนนที่ต่างกันน้อย ไม่เกิน 20 คะแนน สามารถเสนอให้นับใหม่ได้ แต่ต้องเป็นการลงคะแนนใหม่โดยการขานชื่อ แต่จะใช้เวลามาก แต่เมื่อผลการลงคะแนนห่างกัรเพียง 5 คะแนน ข้อบังคับอนุญาตให้ลงคะแนนใหม่ได้

รายงานข่าวระบุว่า ที่ประชุมรัฐสภาใช้เวลาขานชื่อลงมติใหม่กว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบที่จะให้ร่างฯของนายพริษฐ์ เป็นร่างฯหลักในการพิจารณาในชั้นกมธ.ฯ ด้วยคะแนน 300 ต่อ 287 เสียง ซึ่งเสียงที่สนับสนุนให้ร่างฯของนายพริษฐ์เป็นร่างหลัก คือ เสียงของพรรคเพื่อไทย