
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ บุรีรัมย์ เผยมติคณะกรรมการชุดใหญ่ ชี้มูลความผิดคดีที่สอง ‘สมศักดิ์ คิมเนียง' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแคนดง อำเภอแคนดง – พวก ทุจริตจัดซื้อผ้าห่มนวม-เสื้อกันหนาวเด็ก ปี 57 หลังโดนคดีทุจริตขายซากวัสดุไปแล้ว – สำนวน อสส. ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว – ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายอดุลย์ วันดี ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะโฆษกสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ แถลงข่าวมติคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติชี้มูลความผิด นายสมศักดิ์ คิมเนียง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ กับพวก ทุจริตในการจัดซื้อผ้าห่มนวมและ เสื้อกันหนาวเด็กโครงการผ้าห่มนวมต้านภัยหนาวของเทศบาลตำบลแคนดง ประจำปีงบประมาณ 2557
ข้อเท็จจริงโดยสรุปจากการไต่สวนเบื้องต้น ปรากฏว่า เทศบาลตำบลแคนดงดำเนินโครงการจากใจสู่กาย เพื่อคลายหนาว “ภายใต้โครงการผ้าห่มนวมต้านภัยหนาว” ประจำปีงบประมาณ 2557 โดยการจัดซื้อ เสื้อกันหนาวเด็กและผ้าห่มกันหนาว ได้แก่ เสื้อกันหนาวเด็ก จำนวน 421 ตัว ราคาตัวละ 240 บาท และผ้าห่ม จำนวน 1,559 ผืน ราคาผืนละ 240 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 475,200 บาท ใช้วิธีการจัดซื้อหรือจัดจ้าง โดยวิธีพิเศษ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 แต่ไม่ได้กำหนดกำหนดคุณลักษณะของผ้าห่มนวมและเสื้อกันหนาวให้เป็นไปตามประกาศwื้นที่ภัยพิบัติ ฉบับลงวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ที่กำหนดให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เรื่อง รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะและการกำหนดราคากลางสิ่งของสำรองจ่าย พ.ศ. 2551 ฉบับลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 จนเป็นเหตุให้มีการจัดซื้อและจ่ายเงินให้กับผู้ขาย ถือว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาอันเป็นเหตุให้ได้ผ้าห่มนวมและเสื้อกันหนาวไม่ได้คุณภาพ และไม่ได้มาตรฐานอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1. การกระทำของนายสมศักดิ์ คิมเนียง ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
2. การกระทำของนายสมรักษ์ ศาลางาม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางบัวลี หลักหนองบัว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนางสาวกัลยาณี แสนจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยัง อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี กับ นายสมศักดิ์ คิมเนียง นายสมรักษ์ ศาลางาม นางบัวลี หลักหนองบัว และนางสาวกัลยาณี แสนจันทร์ และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานและคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ นายสมศักดิ์ คิมเนียง นายสมรักษ์ ศาลางาม นางบัวลี หลักหนองบัว และนางสาวกัลยาณี แสนจันทร์ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบ
ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลตำบลแคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
สำหรับ นายสมศักดิ์ คิมเนียง นายสมรักษ์ ศาลางาม และนางบัวลี หลักหนองบัว ก่อนหน้านี้ เคยถูกคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตในการจำหน่ายซากวัสดุที่ไม่สามารถใช้การได้และไม่นำเงินที่ได้จากการขายวัสดุ ส่งสำนักงานเทศบาลตำบลแคนดง
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นายสมรักษ์ ศาลางาม จำเลยที่ 2 มีความผิดตามกฎหมาย ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท รู้สำนึกโดยให้การรับสารภาพ อีกทั้งเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานสืบเสาะและพินิจ จำเลยที่ 2 ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดในหน้าที่ราชการ ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้คุมความประพฤติไว้มีกำหนด 1 ปี
นายสมศักดิ์ คิมเนียง จำเลยที่ 1 และ นางบัวลี หลักหนองบัว จำเลยที่ 3 ประสงค์จะต่อสู้คดี แต่ยังไม่มีทนายความ ศาลมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องเป็นคดีใหม่
ต่อมา เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นางบัวลี หลักหนองบัว จำเลย มีความผิดลงโทษตาม ป.อ.มาตรา 147 (เดิม) (บทหนักสุด) ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 2 ปี 6 เดือน
ส่วนผลคดี นายสมศักดิ์ คิมเนียง ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า มีผลคำพิพากษาคดีแล้วหรือไม่
อ่านประกอบ:
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )