ทบ.สรุปเผยยอดเสียชีวิตคนไทย 12 ราย เจ็บ 20 เสียหาย 11 พื้นที่จากเหตุปะทะกัมพูชา 24 ก.ค.

เฟซบุ๊กกองทัพภาค 2 ชี้ฝ่ายกัมพูชาโจมตีไม่เลือก ทั้งชุมชน โบราณสถาน ปราสาท ปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน โต้กลับให้ปืนใหญ่ยิvใส่ภูมะเขือ ถล่มทหารกัมพูชา 2 กองพัน ทำลายรถถังได้ 2 คัน พร้อมขอให้ ประชาชนลงหลุมหลบภัย-ขณะ กองทัพอากาศแฉสื่อกัมพูชาใช้เฟคนิวส์อ้าง F-16 ถูกยิvตก สั่งฝูงบินทิ้งsะเบิดพื้นที่รอบปราสาทตาเมือนธม-‘สมศักดิ์' เผยยอดเสียชีวิตคนไทย 12 ราย ล่าสุด ทบ.ยืนยันตัวเลขเสียชีวิต 12 เจ็บ 20 เสียหาย 11 พื้นที่

สำนักข่าวอิศรา . รายงานข่าวสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจนถึงตอนนี้ (15.40 น.) มียอดผู้เสียชีวิตเป็นคนไทยรวมแล้ว 12 ราย บาดเจ็บนับสิบราย

โดยตลอดช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ค.ว่า ที่พื้นที่ชายแดน ไทยกัมพูชา บริเวณ ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ มีรายงานว่า พบลูกกระสุนไม่ทราบชนิดจากฝั่งกัมพูชา ตกลงที่บ้านพลเรือน บริเวณบ้านโจรก หมู่ที่ 2 ต. ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล

ต่อมา นายสุทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง เปิดเผยว่าราษฎรไทยที่ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เสียชีวิตหลังนำส่งโรงพยาบาล 2 ราย เป็นเด็กอายุ 12 ปี 1 ราย และผู้ใหญ่อายุประมาณ 40-50 ปี 1 ราย

ขณะเดียวกัน ยังพบว่ามีกระสุนตกใส่ข้างรั้วโรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ แต่ภายในโรงพยาบาลมีการอพยพผู้ป่วยออกมาแล้วทั้งหมด

นอกจากนี้ มีรายงานอีกว่า ฝ่าย กัมพูชายิvปืนใหญ่ ตกใส่ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ที่ อ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ไฟลุกไหม้ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย สรุปตัวเลขประชาชนไทยเสียชีวิต 4 ราย

ขณะที่เฟซบุ๊กของกองทัพภาคที่ 2 รายงานข่าวในช่วงเวลาประมาณ 11.54 น.ระบุว่ากัมพูชาโจมตีโรงพยาบาลพนมดงรัก มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ และต่อมาในช่วงเวลา 12.40 น.ระบุว่ากัมพูชาโจมตีใส่แหล่งชุมชนและโบราณสถาน ปราสาท ปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน

ในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น.เช่นเดียวกัน เฟซบุ๊กของกองทัพอากาศไทย ได้มีการเผยแพร่ถ้อยคำระบุว่า จากกรณีสื่อประเทศกัมพูชาอ้างว่า เครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศไทยถูกยิvตกในช่วงเช้านั้น “ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด” FakeNews ขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

@ทัพภาค 2 ประกาศใช้ปืนใหญ่sะเบิดภูมะเขือ ถล่มทหารกัมพูชา 2 กองพัน ทบ.สรุปยอดผู้เสียชีวิต 9 ราย

พอถึงช่วงเวลาประมาณ 13.30 น.เฟซบุ๊กของกองทัพภาค 2 ได้โพสต์ข้อความว่า ทหารไทยตอบโต้ทหารกัมพูชา พื้นที่ภูมะเขือ ด้วย ปืนใหญ่เป้าหมายทหารกัมพูชา จำนวน 2 กองพัน ให้สิ้นซาก

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 13.50 น.เฟซบุ๊กของกองทัพบกไทยได้สรุปตัวเลขคนไทยเสียชีวิตจากเหตุปะทะว่าอยู่ที่ 9 รายและบาดเจ็บอีกนับสิบรายมีรายละเอียดดังนี้

กองทัพบกขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ล่าสุดพบประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการกระทำดังกล่าวแล้วย้ำฝ่ายไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าว

จากสถานการณ์การปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิvเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิvสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้

1. พื้นที่บริเวณปั๊ม ปตท. บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 10 ราย

2. พื้นที่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย (1 รายเป็นเด็กชายอายุ 8 ปี) และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ส่งต่อ รพ.กาบเชิง

3. พื้นที่บ้านกุดเชียงมุน, บ้านจันลา, บ้านโพนทอง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย

4. พื้นที่บ้านขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้บ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงทางการเกษตรได้รับความเสียหาย

5. พื้นที่หมู่ 16 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบผู้บาดเจ็บ 1 ราย

6. พื้นที่บ้านหนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย

7. พื้นที่บ้านนายบุญล่วม ทองวิเศษ หมู่ 9 ต.โดมประดิษฐ์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด

@สมศักดิ์เผยตัวเลขคนไทยเสียชีวิตแล้ว 12 ราย กองทัพภาค 2 จี้ ประชาชนเข้าบังเกอร์ด่วน

พอถึงช่วงเวลาประมาณ 14.20 น. ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมด้วยนายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

รมว.สาธารณสุขแสดงความโกรธและเสียใจต่อเหตุการณ์การโจมตีที่เกิดขึ้น เมื่อกองกำลังกัมพูชาเปิดฉากโจมตีโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และโรงพยาบาลกันทรลักษ์ในจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ ส่งผลให้ประชาชนและทหารไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย รวมถึงเด็กและทหาร และบาดเจ็บ กว่า 30 ราย

กระทรวงสาธารณสุขประณามการกระทำดังกล่าวที่ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการโจมตีโรงพยาบาลที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยตามอนุสัญญาเจนีวา ระบุว่าเป็นอาชญากรรมสงครามที่ผู้สั่งการต้องรับผิดชอบ

รมว.สาธารณสุขยืนยันว่ากระทรวงฯ จะดำเนินการทุกวิถีทางในการดูแลผู้บาดเจ็บและขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบอย่างทันท่วงที

ส่วนความเคลื่อนไหวของกองทัพ มีรายงานจากเฟซบุ๊กกองทัพภาค 2 ว่าในช่วงเวลา 14.32 น.มีกระสุนปืนคอทหารกัมพูชาตกใส่ไฟไหม้ป่า ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยการใช้โดรนทิ้งsะเบิด

ในช่วงเวลา 14.41 น.ระบุว่า ฝ่ายไทยยิvตอบโต้ต่อต้านรถถังกัมพูชา ฝั่งสัตตะโสม เก็บรถถังได้ 2 คัน และพอมาถึงเวลา 14.49 น. กองทัพภาค 2 ได้ประกาศ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ ต.เสาธงชัย และ ต.โศกขามป้อม จังหวัดศรีสะเกษเข้าที่บังเกอร์ หลุมหลบภัยด่วน

ต่อมาเมื่อช่วงเวลา16.40 น.เฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่าเครื่องบินรบ  F-16 ได้ทิ้งsะเบิดใส่ที่ตั้งของทหารกัมพูชาบริเวณทิศใต้ ปราสาทตาเมือนธม

@ตชด.พร้อมสนับสนุนแผนงาน ทบ.เร่งอพยพ 12 โรงเรียน ตชด.

ขณะที่ พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตำรวจ ได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศwร้อมให้ความสนับสนุนส่วนหน้า โดยในส่วนของกำลังพล ตชด. ปัจจุบันได้ตรึงกำลังในพื้นที่รับผิดชอบ 100% และขึ้นควบคุมการปฏิบัติตามแผนจักรพงษ์ภูวนาท ของกองทัพบกแล้ว

พล.ต.ท.นิตินัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่ชายแดน พบว่าได้รับผลกระทบจำนวน 12 แห่ง โดยปัจจุบันได้อพยพตามแผนของจังหวัดไปอยู่ศูนย์อพยพที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว และกำลังพล ตชด. ขณะนี้ได้เตรียมพร้อมตลอดเวลา

@สรุปข้อมูลปะทะวันที่ 24 ก.ค.กัมพูชาเสียรถถัง 2 คัน ไทยเสียชีวิต 12 บาดเจ็บ 20

ต่อมาเมื่อเวลา 23.00 น.เฟซบุ๊กของกองทัพบกได้สรุปข้อมูลการสู้รบตลอดวันที่ 24 ก.ค.ระบุว่าด้านการสู้รบ เวลา 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชา เปิดฉากการยิvบริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกปราสาทตาเมือน ฝ่ายไทยเริ่มตอบโต้ สรุปที่สำคัญดังนี้ พื้นที่ตรงข้ามปราสาทโดนตวล ปรากฏข่าวสาร รถถังของฝ่ายกัมพูชาสูญเสีย จำนวน 2 คัน ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา ใช้จรวด BM.21 ยิvเข้าใส่พื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ บริเวณปั๊มน้ำมัน, พื้นที่เขาพระวิหาร มีการปะทะตั้งแต่ วัดแก้วฯ ไปจนถึง ภูมะเขือ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายยังอยู่ในที่ตั้ง, พื้นที่ช่องจอม ฝ่ายกัมพูชา ใช้อาวุธยิvสนับสนุนยิvต่อที่ตั้งฝ่ายพลเรือน เช่นวิทยาลัยการอาชีพ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา และบ้านเรือนประชาชนไทย และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังจากประกาศปิดการท่องเที่ยว ฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้กำลังเข้าโจมตีฝ่ายเรา ตั้งแต่ห้วงเข้า รวมทั้งใช้อาวุธยิvสนับสนุนยิvเข้าที่ตั้งพลเรือนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ

ด้านการช่วยเหลือประชาชน อพยพประชาชน จำนวน 8 พื้นที่ ได้แก่ ที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์, อ.พนมดงรัก, อ.กาบเชิง, อ.สังขะ, จ.สุรินทร์, อ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และ อ.น้ำขุ่น, อ.น้ำยืน อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือนตามแผน และจัดรถครัวสนามประกอบอาหาร สนับสนุนให้กับส่วนราชการจังหวัด ในการอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่

มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จำนวน 11 พื้นที่ ได้แก่ บ.หนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ (กระสุน ปืนใหญ่ตก 10 นัด), บ.ผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กระสุน BM21 ตก (ปตท.บ้านผือ และ ตชด.224), ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ), บ.ขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ (กระสุนปืนใหญ่ 5 นัด), บ.สายโท 10 ใต้ ม.2 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ 10 นัด), บ.กรวด ม.3 และ ม. 5 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ตก 7 นัด), บ.สายโท 12 ใต้ ม.16 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ตก 3 นัด) และพื้นที่ บ.โคกกระชาย ตำบลสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ (กระสุนปืนใหญ่ตก 3 นัด)

มีประชาชนได้รับผลกระทน จำนวน 32 คน (ได้รับบาดเจ็บ 20 คน เสียชีวิต 12 คน)

จากเหตุการณ์ที่กัมพูชากระทำการโจมตีด้วยอาวุธใส่พื้นที่พลเรือนของไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว ตามหลักสากลของกฎหมายมนุษยธรรม โดยจะโจมตีเฉพาะ เป้าหมายทางทหาร (Militia Blueprint) ประเทศไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและคุณค่าสากลของมนุษยธรรม แต่จะไม่ยอมให้การโจมตีใดๆ ละเมิดอธิปไตยและบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของชาติได้