
‘นพ.พรหมินทร์' ตั้ง จักรภพ เพ็ญแข เป็น ที่ปรึกษาฯ เพิ่มประสิทธิภาพด้านสื่อสาร – ‘จิราพร' รื้อผัง NBT เกาะติดสถานการณ์ไทย-กัมพูชา 24 ชั่วโมง ด้านโฆษกรัฐบาล แจ้ง ผู้ว่าราชการฯจังหวัดชายแดนปะทะ สรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพื่อเยียวยา ขณะที่ ‘ชนินทร์'เลขานุการมท.1 เผย กรมบัญชีกลางขยายวงเงินทดรองราชการ 4 จว.ชายแดน 100 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งนายจักรภพ เพ็ญแข ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ เพื่อให้การขับเคลื่อน ติดตาม และการประสานงานกับภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่าง ๆ ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานตานตามนโยบายรัฐบาลของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง สามารถสื่อสารสร้างความเข้าใจอันดีให้แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อให้การประสานการให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ โดลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา
@ รื้อผัง NBT เกาะติดสถานการณ์ไทย-กัมพูชา 24 ชั่วโมง
ด้าน นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ตึงเครียดที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตนในฐานะที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ได้กำชับให้เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอด 24 ชั่วโมง
โดยภายหลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2568 ได้กำหนดมาตรการในการควบคุมสถานการณ์ โดยมอบให้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) บริหารจัดการสถานการณ์ชายแดนและบูรณาการทำงานกับกองทัพ กระทรวง การต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้อง พร้อมเน้นย้ำให้มีการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแก่ประชาชนอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูลและการใช้ข่าวปลอม
“ขอให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ ปฏิบัติตามมาตรการในการหลบภัยของรัฐบาลเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องทุกท่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด โดยสามารถติดตามรายงานข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากสื่อภาครัฐ ทั้งจากกองทัพ กรมประชาสัมพันธ์ และสื่อทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีการสื่อสารทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในทุกช่องทาง” นางสาวจิราพรกล่าว
จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
@ ตั้ง ‘ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน:
ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เรียกประชุมด่วนผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงพลังงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนด้านพลังงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมอบหมายให้มีการแต่งตั้ง ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน เพื่อติดตามสถานการณ์และสั่งการหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงพลังงานและในการกํากับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ด้านพลังงาน อันอาจเกิดขึ้นจากการกระทำของราชอาณาจักรกัมพูชาซึ่งส่งผลหรืออาจส่งผลต่อประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และจังหวัดอื่นที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้จนกว่าสถานการณ์จะยุติลง
นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ได้สั่งการให้สถานีบริการน้ำมันที่อยู่ใกล้จุดปะทะบริเวณชายแดนงดให้บริการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้สถานีบริการน้ำมันในเขตอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงที่อยู่นอกพื้นที่เสี่ยงเปิดบริการตามปกติอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความจำเป็นในการเดินทางและภารกิจฉุกเฉินของภาครัฐ อาทิ รถพยาบาล รถดับเพลิง รถตำรวจ ทหาร รวมถึงภารกิจด้านความมั่นคง ซึ่งต้องสามารถเข้าถึงเชื้อเพลิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในส่วนของระบบไฟฟ้า ได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นหลักในการประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดทีมซ่อมบำรุงประจำพื้นที่ เตรียมความพร้อมกรณีเกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า หรือสายส่งที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ เพื่อให้สามารถฟื้นฟูระบบได้อย่างรวดเร็ว และลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนให้น้อยที่สุด
ภายใต้ ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน ยังให้มีชุดปฏิบัติการจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานและหน่วยงานในกํากับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อติดตามสถานการณ์ ระงับเหตุ และแก้ไขสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านพลังงานแก่ประชาชน รวมทั้ง ยังช่วยสนับสนุนด้านกําลังพล วัสดุ ครุภัณฑ์ ยานพาหนะ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ด้วย
@ ผุด วอร์รูม ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร
ขณะเดียวกัน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบจากเหตุปะทะกันระหว่างกำลังความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลได้บูรณาความร่วมมือ สั่งการให้ทุกภาคส่วนราชการเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยยึดหลักความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก พร้อมเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์
นายอนุกูล กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดตั้ง War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเฝ้าระวัง ติดตาม และวิเคราะห์ผลกระทบด้านการเกษตรในพื้นที่จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด ทั้งติดตามสถานการณ์พื้นที่เกษตรในแนวชายแดนแบบเรียลไทม์ และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการผลิตพืช สินค้าเกษตร และปศุสัตว์
รวมถึง วางแผนเผชิญเหตุและเสนอแนวทาง ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานในพื้นที่ และสื่อสารสถานการณ์แก่เกษตรกรและประชาชนให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว โดยจะใช้ระบบ ข้อมูลเชิงพื้นที่ (GIS-Basically based Dashboard) เพื่อเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะในจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรหลักที่อยู่ในรัศมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการตั้ง ศูนย์ย่อยประสานงานจังหวัด ในระดับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลภาคสนาม จากตำบล อำเภอ และประสานมาตรการเร่งด่วนในพื้นที่
ขณะที่ กระทรวงศึกษาธิการ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ และมีคำสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในบริเวณที่เกิดเหตุการปะทะ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ครู และเจ้าหน้าที่ พร้อมกำชับให้โรงเรียนในเขตชายแดนจัดเตรียมแผนรับมืออย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการเตรียมหลุมหลบภัย หรือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียน
รวมถึงสั่งการให้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อรองรับนักเรียนและครอบครัวที่อาจต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้ นักเรียนที่เสียชีวิต กระทรวงศึกษาธิการ จะเข้าไปดูแลและให้ความช่วยเหลือครอบครัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนักเรียนที่ได้รับผลกระทบด้านร่างกายและจิตใจ จะเร่งประสานการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง
อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
@ สั่ง ผวจ.ชายแดนปะทะสรุปตัวเลขเยียวยาผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สรุปตัวเลขของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประทะกันตามแนวชายแดน ทั้งในส่วนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และทรัพย์สิน โดยให้ส่งรายละเอียดให้กับแต่ละจังหวัดเพื่อดำเนินการสรุปจำนวน มอบเงินช่วยเหลือชดเชยเยียวยา ทั้งในส่วนข้าราชการทหารและประชาชน โดยเบื้องต้น จะใช้เงินของกองทุนสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น ส่วนการเยียวยาด้านอื่นๆ ให้เร่งรัดสรุปกลับไปยังกระทรวงมหาดไทย และสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดน อาทิ
-กระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงชั่วคราว
-กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการเปลี่ยนโรงพยาบาลในพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราว รวมถึงอพยพคนป่วย ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไปสู่โรงพยาบาลอื่น ๆ ที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
-กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดูแลเรื่องการเยียวยาและบรรเทาทุกข์เบื้องต้น
-กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ตรวจสอบและแก้ไขประชาสัมพันธ์ข่าวเท็จในสถานการณ์
-กระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการตามแผนการ ร่วมกับกองทัพในพื้นที่ในการดูแลประชาชนในทุกมิติ
ส่วนมาตรการด้านการต่างประเทศ รัฐบาลยืนยันได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาลง โดยได้แจ้ง กระทรวงการต่างประเทศให้เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทยแล้ว และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับสู่ประเทศ ซึ่งถือเป็นมาตรการที่มีความรุนแรงที่สุดในทางการทูต นายจิรายุกล่าว
@ ขยายวงเงินทดรองราชการ 100 ล้าน
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โพสต์เปิดเผยว่า เช้านี้ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลัง ว่ากรมบัญชีกลาง ได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์และอุบลราชธานี เพิ่มเติมจังหวัดละ 100 ล้านบาท ตามคำขอของกระทรวงมหาดไทย เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ขอผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งใช้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือ ไม่ได้ขาดแคลน
จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (บน) และชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ล่าง)
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )