ความอดอยากบั่นทอนสุขภาพร่างกายของผู้คนในฉนวนกาซาอย่างไร

ที่มาของภาพ : Anadolu/Getty Images

ประชาคมนานาชาติมีความวิตกกังวล เรื่องสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นทุกขณะ

Article Knowledge

    • Author, รีเบคกา ธอร์น และ แอนเจลา เฮนแชลล์
    • Role, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส เฮลธ์ (BBC WS Health)

โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติเตือนว่า ชาวปาเลสไตน์เกือบหนึ่งในสามที่อยู่ในฉนวนกาซา ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยมาหลายวันแล้ว

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ต้องออกมาช่วยกล่าวยืนยันอีกเสียงว่า “มีความอดอยากแร้นแค้นเกิดขึ้นจริง” หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ยืนกรานปฏิเสธอย่างหนักแน่น ว่าสถานการณ์ในฉนวนกาซามิได้เป็นเช่นนั้น

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทางการอิสราเอลซึ่งเป็นฝ่ายปฏิเสธเรื่องที่ผู้คนในฉนวนกาซากำลังอดอยากหิวโหยอย่างหนัก ได้ประกาศ “หยุดกิจกรรมทางทหารในบางพื้นที่” (local tactical cease) เพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าถึงภูมิภาคดังกล่าวได้

อย่างไรก็ตาม นายทอม เฟลตเชอร์ รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการด้านมนุษยธรรม บอกว่าการให้ความช่วยเหลือแก่บางพื้นที่นั้นอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากขณะนี้มีความจำเป็นต้องใช้อาหารในปริมาณ “มหาศาล” เพื่อขจัดทุพภิกขภัยในฉนวนกาซา

องค์กรบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติ สำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในเมืองกาซาซิตี กำลังป่วยด้วยโรคขาดสารอาหารกันจำนวนมาก โดยพบได้ทุกหนึ่งในห้าคนเลยทีเดียว นอกจากนี้ เด็กที่ขาดสารอาหารยังทวีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue learningได้รับความนิยมสูงสุด

Cease of ได้รับความนิยมสูงสุด

รายงานของสหประชาชาติยังชี้ว่า โรงพยาบาลหลายแห่งในฉนวนกาซาได้รับรักษาผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในสภาพอ่อนเพลียหมดเรี่ยวแรงอย่างหนักเนื่องจากขาดอาหาร นอกจากนี้ยังมีชาวปาเลสไตน์หลายคนเป็นลม หรือทรุดลงไปกองกับพื้นตามท้องถนนจำนวนมากด้วยสาเหตุเดียวกัน

แม้ในตอนนี้ทางองค์การสหประชาชาติจะยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ได้เกิดทุพภิกขภัยขึ้นในเขตฉนวนกาซาแล้ว แต่ข้อมูลจากระบบบูรณาการเพื่อจำแนกระยะของความมั่นคงปลอดภัยทางอาหาร (Constructed-in Food Safety Portion Classification) หรือ “ไอพีซี” (IPC) ชี้ว่าฉนวนกาซาตกอยู่ในความเสี่ยงขั้นวิกฤตที่จะเกิดทุพภิกขภัยแล้ว

ทุพภิกขภัยคืออะไรและจะเกิดขึ้นเมื่อใดกันแน่ ?

มาตราส่วน “ไอพีซี” (IPC Scale) คือเกณฑ์มาตรฐานโลกในการประเมินระยะของสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารอย่างร้ายแรง โดยวัดจากระดับความยากลำบากในการเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าและราคาถูกของประชากร ซึ่งเฉพาะระยะที่ 5 ที่ผู้คนมีความอดอยากแร้นแค้นสูงสุดนั้น จึงจะถือว่าเข้าขั้นทุพภิกขภัย (famine) โดยต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

  • 20% ของครัวเรือนทั้งหมด กำลังประสบภาวะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง
  • มีเด็กอย่างน้อย 30% ที่ป่วยด้วยโรคขาดสารอาหารอย่างรุนแรง
  • ในหมู่ประชากร 10,000 คน มีผู้ใหญ่อย่างน้อย 2 คน หรือเด็กอย่างน้อย 4 คน ต้องเสียชีวิตลงในแต่ละวันเพราะความอดอยากโดยตรง หรือเพราะปฏิสัมพันธ์ระหว่างการขาดสารอาหารกับโรคต่าง ๆ

รายงานของไอพีซีว่าด้วยสถานการณ์ในฉนวนกาซา ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ชี้ว่าประชากรทั้งหมดในเขตดังกล่าว กำลังประสบกับความอดอยากในระยะที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นวิกฤต หรือบางคนอาจกำลังเผชิญกับภาวะความอดอยากที่ร้ายแรงกว่านั้นแล้ว

รายงานของไอพีซียังคาดการณ์ว่า ประชากรเกือบ 469,500 คนในฉนวนกาซา มีแนวโน้มจะประสบกับความอดอยากขั้นหายนะ (ระยะที่ 5) ซึ่งก็คือทุพภิกขภัยอย่างเต็มขั้น ในช่วงระหว่างเดือนพ.ค. – ก.ย. ของปีนี้

หากสภาพการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ตามปกติแล้วองค์การสหประชาชาติจะประกาศถึงการเกิดทุพภิกขภัยอย่างเป็นทางการ ซึ่งในบางกรณีจะประกาศร่วมกับรัฐบาลของประเทศที่ประสบภัย หรือบ่อยครั้งจะประกาศร่วมกับองค์กรให้ความช่วยเหลือและองค์กรด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศด้วย

ที่มาของภาพ : Majdi Fathi/NurPhoto/Getty Images

ชาวปาเลสไตน์แบกถุงแป้ง ซึ่งรถบรรทุกความช่วยเหลือนำมาส่งให้ที่จุดผ่านแดน Zikim ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา

เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายมนุษย์ในภาวะอดอยาก

ภาวะอดอยาก (starvation) เกิดขึ้นเมื่อคนเราต้องอดอาหารเป็นเวลานาน ซึ่งหมายความว่าร่างกายไม่ได้รับพลังงานเพียงพอต่อการทำงานขั้นพื้นฐาน

ในภาวะปกติร่างกายย่อยอาหารให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส ก่อนจะถูกนำไปเก็บสะสมไว้ในเซลล์ตับและกล้ามเนื้อในรูปของไกลโคเจน (glycogen) เมื่อไม่มีอาหารตกถึงท้อง ร่างกายจะหันไปสลายไกลโคเจนที่เก็บไว้ให้กลายเป็นพลังงาน โดยเปลี่ยนกลับให้เป็นน้ำตาลกลูโคสและปล่อยเข้าสู่กระแสเลืoด

เมื่อไกลโคเจนที่สะสมไว้หมดไป ร่างกายจะหันไปหาแหล่งพลังงานสำรองอื่น ๆ ซึ่งก็คือไขมันในช่องท้องและโปรตีนจากกล้ามเนื้อตามลำดับ

ภาวะอดอยากสามารถทำให้ปอด, กระเพาะอาหาร, รวมทั้งอวัยวะสืบพันธุ์หดตัวและฝ่อลีบลง นอกจากนี้การขาดอาหารยังส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน, ซึมเศร้า, และวิตกกังวลได้

แม้บางคนจะเสียชีวิตเพราะความอดอยากโดยตรง แต่ผู้ป่วยโรคขาดสารอาหารชนิดรุนแรงมักเสียชีวิตเพราะโรคแทรกซ้อน อย่างเช่นอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจหรือระบบย่อยอาหาร ซึ่งเป็นผลมาจากภูมิคุ้มกันทำงานบกพร่อง

แต่ถึงกระนั้น ความอดอยากก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคลแตกต่างกันออกไป “อยู่ดี ๆ เด็กจะล้มป่วยด้วยโรคขาดสารอาหารรุนแรงไม่ได้ พวกเขามักเคยมีประวัติเป็นโรคหัด, ปอดอักเสบ, ท้องเสีย, หรืออะไรทำนองนี้มาก่อน” ศาสตราจารย์ชาร์ล็อตต์ ไรต์ นักวิจัยกิตติคุณด้านโภชนาการของมนุษย์ จากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ของสหราชอาณาจักรกล่าวอธิบาย

“เด็กที่เคยแข็งแรงมาก่อน เมื่อมาประสบกับภาวะอดอยากในตอนนี้ จะยังมีแรงกินและย่อยอาหารได้เมื่อมีโอกาสได้รับของกิน แต่เด็กที่ป่วยอยู่ก่อนแล้ว ร่างกายจะยังคงผ่ายผอมทรุดโทรมลงไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีทางฟื้นตัว”

โรคขาดสารอาหารส่งผลต่อเด็กและทารกอย่างไร

ความอดอยากในวัยเด็กอาจส่งผลกระทบยาวนานชั่วชีวิต ซึ่งรวมถึงพัฒนาการทางสติปัญญาที่ผิดปกติและภาวะเตี้ยแคระแกร็น (stunting) ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้นิยามว่า คือภาวะที่การเจริญเติบโตและพัฒนาการตามวัยของเด็กหยุดชะงัก เนื่องจากภาวะทุพโภชนาการ (malnutrition) หรือการขาดสารอาหารนั่นเอง ซึ่งภาวะแคระแกร็นมักทำให้เด็กมีส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยไปด้วย

มูลนิธิสหประชาชาติ (UNF) ระบุว่าสตรีมีครรภ์ที่อยู่ในภาวะอดอยากขาดแคลนอาหาร มีแนวโน้มจะให้กำเนิดทารกที่มีภาวะทุพโภชนาการไปด้วย ด้านกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) บอกว่าการไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอระหว่างตั้งครรภ์ จะทำให้เกิดโรคโลหิตจาง, ภาวะครรภ์เป็นพิษ, และมีเลืoดออกภายในจนแม่ถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ทารกจะเสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอด, มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์, ผ่ายผอมและมีพัฒนาการช้าเมื่อเติบโตขึ้น ส่วนแม่ที่ขาดอาหารก็อาจมีน้ำนมคุณภาพไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูบุตรได้

ดร.นูราดีน อาลีบาบา จากองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการรักษาเด็กที่เป็นโรคขาดสารอาหาร บอกกับบีบีซีว่า “ภาวะแคระแกร็นที่เกิดขึ้นแล้วไม่อาจแก้ไขได้ ซึ่งหมายความว่าเด็กจะยังคงตัวเตี้ยกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเหมือนเดิม แม้สถานการณ์ความอดอยากจะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม เรื่องนี้ทำให้พวกเขาเสียเปรียบอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความบกพร่องด้านการเรียนรู้อย่างถาวร ซึ่งไม่อาจสังเกตเห็นได้จนกว่าเด็กจะถึงวัยเข้าโรงเรียน”

“ภาวะทุพโภชนาการยังกดภูมิคุ้มกันให้ทำงานบกพร่อง จนร่างกายติดเชื้อได้ง่าย อีกสิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปมักไม่ทราบก็คือ การที่เด็กสาวขาดสารอาหารในระดับหนึ่ง จะทำให้พวกเธอไม่สามารถมีบุตรได้ หรือในกรณีที่ตั้งครรภ์ แม่ที่กำลังอดอยากจะมีแนวโน้มให้กำเนิดทารกน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ได้มากกว่า” ดร. อาลีบาบากล่าว

เมื่อแก่ตัวลง ผู้หญิงที่เคยประสบกับภาวะทุพโภชนาการ อาจเป็นโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) ได้ง่ายกว่าคนอื่นด้วย “โรคกระดูกพรุนจะทำให้กระดูกเปราะแตกหักง่าย จนร่างกายผู้ป่วยไม่อาจแบกรับน้ำหนักตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป ดังนั้นอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจนำไปสู่การเกิดกระดูกหักหรือแตกร้าวได้” ดร. อาลีบาบาอธิบาย

ที่มาของภาพ : Getty Images

มีการแจกจ่ายอาหารร้อนให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา

ภาวะทุพโภชนาการรักษาได้ไหม ?

ศ.ชาร์ล็อตต์ ไรต์ นักวิจัยด้านโภชนาการของมนุษย์ ให้คำแนะนำต่อคำถามข้างต้นว่า “การตอบสนองเพื่อแก้ไขจัดการภาวะวิกฤติ จำเป็นต้องใช้ถึงสองแนวทางด้วยกัน หนึ่งคือต้องมีการส่งอาหารเข้าไปในฉนวนกาซามากขึ้น และต้องมีการแจกจ่ายอาหารพิเศษเพื่อการบำบัดรักษาภาวะทุพโภชนาการ ซึ่งมีราคาแพงกว่าไปพร้อมกันด้วย”

“จะต้องมีการปรับแผนมอบความช่วยเหลือเสียใหม่ โดยเน้นจัดส่งอาหารไปให้ถึงมือแม่และเด็กโดยด่วน ส่วนแม่ที่กำลังมีลูกเล็กนั้น การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นวิธีที่ปลอดภัยและถูกสุขอนามัยมากที่สุดสำหรับทารก แต่เราก็ต้องจัดอาหารให้แม่อย่างเพียงพอด้วย เพื่อที่เธอจะได้มีน้ำนมคุณภาพไว้เลี้ยงลูกต่อไป เรื่องนี้ถือเป็นอุปสรรคที่ท้าทายอย่างยิ่ง เพราะยากที่จะรับประกันได้ว่า อาหารส่วนใหญ่จะไม่ตกไปอยู่ในมือของพวกผู้ชาย แทนที่จะเป็นของแม่และเด็ก”

“สิ่งที่ฉันต้องการเน้นก็คือ แม่และเด็กควรจะต้องมาก่อน พวกเขาไม่ได้ต้องการอาหารมากมายอะไรเลย” ศ.ไรต์กล่าว

สมิธา มุนดาสาท ผู้สื่อข่าวสุขภาพของบีบีซีแผนกภาษาอาหรับ ซึ่งสำเร็จการศึกษาในสาขาแพทยศาสตร์ อธิบายว่าภาวะทุพโภชนาการสามารถสร้างความเสียหายในหลากหลายรูปแบบต่อร่างกายคนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับร่างกายของเด็กซึ่งไม่อาจรักษาหรือฟื้นฟูได้โดยง่าย

ในกรณีที่ขาดอาหารอย่างรุนแรง คนผู้นั้นจะไม่สามารถกลืนคำข้าวได้อีกต่อไป และอาจต้องเข้ารับการให้อาหารเหลวสูตรพิเศษที่โรงพยาบาลหรือคลินิก “รวมทั้งต้องรับยารักษาอาการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นด้วย” มุนดาสาทกล่าว

“ในบางกรณี การให้อาหารกับผู้ที่มีภาวะทุพโภชนาการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป หรือการให้อาหารชนิดที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ ดังนั้นคำตอบของเรื่องนี้ จึงไม่ได้อยู่ที่การมอบความช่วยเหลือด้านอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ต้องให้ผู้ประสบทุกภิกขภัยได้รับอาหารอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ โดยต้องมีระบบการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ คอยดูแลสนับสนุนเรื่องนี้” มุนดาสาทกล่าวสรุปทิ้งท้าย