
‘ภูมิใจไทย’ เดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า ประกาศคิกออฟ 40 บาท/วันไม่จำกัดเที่ยว ประเดิมสายสีม่วง-แดงก่อน เริ่ม 1 ธ.ค. 68 – 30 พ.ย. 69 โดยผู้ใช้สิทธิ์ต้องถือบัตร Eเอ็มวี เท่านั้น พร้อมตั้งคณะกรรมการร่วม ‘คลัง-คมนาคม’ หาแนวทางซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสายทุกเส้น ชี้ 90 วันหลังจากนี้ ต้องมีข้อสรุปพร้อมเสนอครม.
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 29 ตุลาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน มีมติให้ใช้บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวันสำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชัน และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน มีผลระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2568 – 30 พฤศจิกายน 2569 โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
1.บุคคลทั่วไป เดินทางไม่จำกัดเที่ยวในวันเดียวเพียง 40 บาท/วัน
2.นักเรียน–นักศึกษา จ่ายเพียง 30 บาท/วัน
3.ผู้สูงอายุ ครึ่งราคา / ผู้พิการและเด็ก ฟรี
4.ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้วงเงินในบัตร 750 บาท/เดือนได้ตามสิทธิ
นายพิพัฒน์กล่าวว่า สำหรับผู้ใช้สิทธิ์จะต้องถือบัตร Eเอ็มวี Contactless / MRT Eเอ็มวี / Mangmoom Eเอ็มวี โดยไม่ต้องลงทะเบียนแต่อย่างใด ซึ่งจะเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสองสายได้อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้ผู้โดยสารที่ต้องเดินทางหลายเที่ยวต่อวันสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ชัดเจนและคุ้มค่ามากขึ้น โดยสั่งการให้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในวันที่ 18 พ.ย.นี้
ด้านนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีม่วงจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราสูงสุดไม่เกิน 20 บาท โดยมีผู้โดยสาร 80,000 คน/วัน ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยมีรายได้ลดลงจากมาตรการดังกล่าว 108 ล้านบาท/ปี ขณะที่มีสถิติผู้โดยสารบัตร Eเอ็มวี ประมาณ 30% ทั้งนี้ คาดว่าการดำเนินนโยบายค่าโดยสารเหมาจ่าย 40 บาทจะไม่กระทบกับจำนวนผู้โดยสาร เพราะพฤติกรรมของผู้โดยสารมักจะเดินทางยาวและไปกลับ ทั้งนี้ ในส่วนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย คาดว่าจะต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อให้มีมติอนุมัติ ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จสิ้่นก่อนต้นเดือนพ.ย.นี้
ขณะที่นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางรวมศูนย์การบริหารจัดการระบบรถไฟฟ้าแบบองค์รวม หรือ “Single Possession” โดยมอบหมายให้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารนโยบาย ค่าโดยสาร และระบบตั๋วร่วมของประเทศ เพื่อให้ทุกโครงการรถไฟฟ้าอยู่ภายใต้นโยบายเดียวกันอย่างมีเอกภาพ โดยมีกรอบเวลา 90 วัน ซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปพร้อมเสนอให้ครม.เห็นชอบในหลักการ
สำหรับแนวคิดเบื้องต้น นายพิพัฒน์อธิบายว่า จะให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมหารือร่วมกัน หาแนวทางในการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าสายต่างๆ โดยจะต้องไม่กระทบกับหนี้สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 70% ของ GDP ประกอบกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริการจัดการระบบตั๋วร่วม (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา (สว.) และอยู่ระหว่างประกาศใช้ ซึ่งเมื่อมีผลบังคับใช้แล้วจะเป็นโครงสร้างหลักของระบบค่าโดยสารร่วม (Popular Fare)
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )













