
เปิด 11 ข้อเหมือน-ต่าง ข้อตกลงเกี่ยวกับแร่ธาตุสำคัญที่สหรัฐฯ ทำกับไทย-มาเลเซีย-ญี่ปุ่น
ที่มาของภาพ : Getty Images
Article Recordsdata
-
- Creator, วศินี พบูประภาพ
- Role, ผู้สื่อข่าว.
ในวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา นอกจากแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา (Joint Statement on Framework for United States–Thailand Settlement on Reciprocal Commerce) แล้ว ยังมีอีกข้อตกลงหนึ่งที่ผู้นำจากสองประเทศลงนามร่วมกันและสังคมกำลังให้ความสนใจ
นั่นคือ ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญ
แม้ชื่อของบันทึกความเข้าใจจะระบุว่าเป็นแร่ธาตุสำคัญ (Serious Minerals) แต่นักวิเคราะห์คาดว่าเป้าหมายการลงนามครั้งนี้อยู่ที่แร่หายาก (แรร์เอิร์ธ- Uncommon Earth Substances) เป็นหลักจากมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากของจีน ทำให้ทรัมป์ต้องมีภารกิจในการทำข้อตกลงกับหลากหลายประเทศระหว่างการเยือนเอเชียครั้งนี้ ซึ่งจะเห็นได้การการที่เว็บไซต์ของทำเนียบขาวได้เผยแพร่รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องนี้ในเวลาต่อมา
ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่ได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ในวันเดียวกันนั้น สหรัฐฯ ก็ลงนามในบันทึกความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญกับมาเลเซีย และในวันนี้ (29 ต.ค.) สหรัฐฯ และญี่ปุ่นก็ได้ร่วมลงนามกรอบความร่วมมือในการจัดหาแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากด้วย ในลักษณะคล้าย ๆ กับ ข้อตกลงที่สหรัฐฯ เซ็นร่วมกับออสเตรเลียก่อนหน้านี้ในวันที่ 20 ต.ค. เพื่อประกันความมั่นคงด้านวัตถุดิบในด้านการทำเหมืองและแปรรูปแร่ธาตุสำคัญและแรร์เอิร์ธ
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงทั้งสามฉบับระบุชัดเจนว่า “ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย” โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือของญี่ปุ่นที่ระบุไว้อย่างครอบคลุมว่า “ไม่ก่อให้เกิดสิทธิหรือข้อผูกพันตามกฎหมายใด ๆ” ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยและมาเลเซียระบุว่า “ความร่วมมือจะขึ้นอยู่กับความพร้อมด้านเงินทุน” และ “ไม่ได้แสดงถึงข้อผูกพันในการจัดสรรงบประมาณโดยตรง”
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด
Discontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด
.เปรียบเทียบข้อเหมือนและข้อแตกต่างของเอกสารข้อตกลงด้านห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญที่สหรัฐอเมริกาทำขึ้นกับมาเลเซีย, ไทย, และญี่ปุ่น ทั้งสามฉบับ ดังนี้
1. ไทย-ญี่ปุ่นเน้นคุณลักษณะตลาด “เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ มีความมั่นคง และโปร่งใส” ส่วนมาเลเซียไม่ได้ระบุถึง
ในบทนำของบันทึกความเข้าใจที่สหรัฐฯ ลงนามกับรัฐบาลไทยและกับรัฐบาลมาเลเซียใช้ข้อความคล้าย ๆ จะสามารถเทียบเคียงกันได้ในลักษณะคำต่อคำ อย่างไรก็ดี มีจุดที่ไม่เหมือนกันอย่างมีนัยสำคัญในส่วนความตระหนักถึง (Recognising) ที่บันทึกข้อตกลงของมาเลเซียระบุว่า “ผู้เข้าร่วมในการตระหนักถึงความสำคัญของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ ในด้านการสนับสนุนการสำรวจ การสกัด การแปรรูป การผลิต การประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล”
ทั้งนี้ในเอกสารดังกล่าวของสหรัฐฯ ระบุถึงประเทศที่ลงนามข้อตกลงว่า “ผู้เข้าร่วม” (Participants)
ขณะที่ถ้อยคำในส่วนเดียวกันของบันทึกความเข้าใจของไทยได้มีการเน้นย้ำถึงคุณลักษณะของของตลาดห่วงโซ่อุปทานดังกล่าวว่าต้องมีความมั่นคง(secure) ความหลากหลาย(diversified) ความมีสภาพคล่อง(liquid) และความเป็นธรรม(beautiful) โดยระบุว่า “ผู้เข้าร่วม ในการตระหนักถึงความสำคัญของตลาดห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญที่มีความมั่นคง มีความหลากหลาย มีสภาพคล่อง และมีความเป็นธรรม ในด้านการสนับสนุนการสำรวจ การสกัด การแปรรูป การประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล”
การเพิ่มเติมถ้อยคำเน้นย้ำคุณลักษณะของตลาดยังสามารถเห็นได้จากถ้อยคำในส่วนของเป้าหมาย (Targets) ของบันทึกความเข้าใจที่ไทยทำกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมีการบรรยายเป้าหมายของการลงนามในบันทึกความเข้าใจนี้ว่าเป็นไปเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ตลาดแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่ “เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ มีความมั่นคง และโปร่งใส” เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ความมั่นคง และความมั่งคั่งของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากในสหรัฐฯ และไทย
ขณะที่บันทึกความเข้าใจของมาเลเซียไม่มีถ้อยคำการบรรยายคุณลักษณะข้างต้นทั้งสี่คำ แต่ข้อความอื่น ๆ ในส่วนเดียวกันจะเหมือนกันทั้งหมด
ด้านกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นนั้น แม้จะมีโครงสร้างข้อความในเอกสารจะต่างจากเอกสารที่ลงนามในวันที่ 26 ต.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซียโดยสิ้นเชิง
ทว่ามีการใช้ถ้อยคำบรรยายคุณลักษณะของตลาดที่พึงประสงค์คล้ายกับถ้อยคำที่บันทึกความเข้าใจของไทยใช้ โดยระบุว่า “ประเทศคู่เจรจาลงนามในกรอบความตกลงนี้ เพื่อเร่งรัดการพัฒนาตลาดแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่มีความหลากหลาย มีสภาพคล่อง และมีความเป็นธรรม”
2. MOU กับไทยไม่กล่าวถึง ‘การผลิต' ขณะที่ MOU กับมาเลเซีย-ญี่ปุ่นเน้นชัด
ในส่วนบทนำและวัตถุประสงค์ของ MOU ที่ไทยและมาเลเซียทำกับสหรัฐฯ พบว่าข้อตกลงของไทยไม่มีการพูดถึงเรื่อง ‘การผลิต' ในจุดที่มาเลเซียมีการระบุไว้
เห็นได้จากถ้อยคำในส่วนความเชื่อมั่น (Imagine) ของบันทึกความเข้าใจในส่วนบทนำ ซึ่งบันทึกความเข้าใจของไทยกล่าวว่า “ผู้เข้าร่วมเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมจะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มั่นคงสำหรับการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มความยืดหยุ่นและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญในแต่ละประเทศ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศในด้านการสำรวจ การพัฒนา การแปรรูป และการใช้งานแร่ธาตุสำคัญ”
ขณะที่ส่วนเดียวกันนี้ บันทึกความเข้าใจของมาเลเซีย ได้ระบุขั้นตอนใน “การผลิต” ด้วย
นอกจากนี้ ในส่วนหนึ่งของของเป้าหมาย (Targets) บันทึกความเข้าใจของมาเลเซียระบุว่า “เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างผู้เข้าร่วมในด้านการสำรวจ การสกัด การแปรรูปและการกลั่น การผลิต และการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ของทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ”
ขณะที่ส่วนเดียวกันในบันทึกความเข้าใจของไทยก็ได้ระบุ ในถ้อยคำที่เหมือนกันทั้งหมด เพียงแต่ไม่ปรากฏถ้อยคำ “การผลิต”
ขณะที่กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นระบุชัดว่า ประเทศคู่เจรจามีความตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากการดำเนินงานด้านการทำเหมืองและการแปรรูปแร่ธาตุสำคัญ รวมถึงแร่หายากชนิดหนักและชนิดเบา ที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ ตลอดจนขยายขีดความสามารถให้เพิ่มขึ้น
ที่มาของภาพ : Bloomberg by Getty Images
3. มาเลเซียให้สิทธิลงทุนสหรัฐฯ ชัดเจน ไทยใช้ถ้อยคำไม่ผูกมัด-ย้ำจะส่งข้อมูลการเปิดประมูลให้สหรัฐฯ เร็วที่สุด ส่วนญี่ปุ่นเน้นระดมทุนร่วม
จากเอกสารทั้งสามฉบับ อีกหนึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือหลักการจัดลำดับความสำคัญในการลงทุนด้านสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญในแต่ละประเทศซึ่งระบุ ในส่วนขอบเขตความร่วมมือ (Areas of Cooperation) ของเอกสาร .ไล่ลำดับความเข้มข้นของการจัดลำดับดังนี้
สหรัฐฯ ดูจะได้รับความร่วมมือด้านการลงทุนที่รัดกุมจากมาเลเซียมากที่สุด เห็นได้จากการที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย ระบุว่า “คู่เจรจาตั้งใจที่จะทำงานด้วยความสุจริตเพื่อให้ความสำคัญกับการลงทุนจากสหรัฐอเมริกา” (Participants will work in well suited religion to prioritize funding from the United States) ในสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญที่อาจถูกขายในมาเลเซีย หรือโดยบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่หรือจดทะเบียนในมาเลเซีย
ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยระบุว่า “คู่เจรจาคาดหวังว่าจะมีโอกาสแรกในการลงทุน โดยให้เป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศ” (Participants demand to possess first quite quite a lot of to invest, per home rules) ในสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญที่อาจถูกขายในไทย หรือโดยบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่หรือจดทะเบียนในไทย
จุดที่น่าสังเกตคือบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยใช้คำว่า “Participants” ซึ่งหมายถึงทั้งสหรัฐฯ และไทย ที่คาดหวังโอกาสแรกในการลงทุน ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย เน้นเฉพาะ “การลงทุนจากสหรัฐฯ” เป็นหลัก
นอกจากนี้เอกสารบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและสหรัฐฯ ยังระบุว่า คู่เจรจามีความตั้งใจที่จะให้ข้อมูลการเปิดประมูลและโครงการที่อาจเกิดขึ้นแก่กันโดยเร็วที่สุดเท่าที่สามารถดำเนินการได้ และไม่ช้ากว่าช่วงเวลาที่ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้แก่นักลงทุนรายอื่น เพื่อให้ผู้คู่เจรจาสามารถเผยแพร่ข้อมูลนี้ไปยังบริษัทและพันธมิตรของตนได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้ผู้รับข้อมูลมีเวลาเพียงพอในการเข้าร่วมการประมูลและโครงการดังกล่าว
ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นนั้นมีแนวทางที่แตกต่างออกไป โดยเน้นการระดมการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน เช่น เงินช่วยเหลือ การค้ำประกัน เงินกู้ หรือหุ้นส่วน เพื่อระบุโครงการที่น่าสนใจร่วมกันในการแก้ไขช่องว่างในห่วงโซ่อุปทาน
นอกจากนี้ ยังระบุว่าโครงการที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินภายในหกเดือน เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ปลายทางสำหรับผู้ซื้อในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน
ตอนหนึ่งของกรอบความร่วมมือนี้ยังระบุถึงความตั้งใจที่จะร่วมกันพัฒนากลไกใหม่หรือกลไกเฉพาะ เพื่อระดมทุนจากภาคเอกชนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากโดยเฉพาะ
4.ไทยเน้นแปรรูปในประเทศและถ่ายโอนเทคโนโลยี ญี่ปุ่นเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมร่วม มาเลเซียไม่ได้ระบุ
ในส่วนเป้าหมาย (Purpose) ของการลงนาม เอกสารบันทึกความเข้าใจของไทยยังปรากฏข้อมูลเป้าหมายของบันทึกความเข้าใจนี้ว่า เป็นไปเพื่อ “ส่งเสริมการลงทุนที่สนับสนุนการเพิ่มมูลค่าในประเทศและอุตสาหกรรมการแปรรูป แทนที่จะเป็นการส่งออกวัตถุดิบเท่านั้น”
นอกจากนี้ ในส่วนขอบเขตความร่วมมือของบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ยังกล่าวถึงข้อกำหนดว่าต้องมีการถ่ายโอนเทคโนโลยี การสร้างขีดความสามารถ และการฝึกอบรมบุคลากรในประเทศ ซึ่งข้อความข้างต้นนี้ไม่ปรากฏในส่วนเดียวกันของเอกสารความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ และมาเลเซีย
ในทางกลับกัน กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น มีแนวทางที่แตกต่างออกไป โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศของทั้งสองฝ่าย โดยเน้นย้ำถึงการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและฐานอุตสาหกรรมของแต่ละฝ่ายโดยจะเน้นการใช้เครื่องมือนโยบายทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่ประสานงานกัน เพื่อเร่งการพัฒนาตลาด พร้อมทั้งตระหนักถึงบทบาทของบริษัทจากทั้งสองประเทศที่กำลังดำเนินโครงการที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ที่ปลอดภัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
5.ไทยเน้นเพิ่มมูลค่าในประเทศ-ถ่ายโอนเทคโนโลยี ญี่ปุ่นใช้กลไกพัฒนาอุตสาหกรรมร่วม มาเลเซียไม่กล่าวถึง
ในส่วนข้อแรกของขอบเขตความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐฯ และมาเลเซีย-สหรัฐฯ มีความคล้ายคลึงกันอย่างยิ่ง โดยกล่าวเหมือนกันว่า ประเทศประเทศคู่เจรจามีความตั้งใจที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคแร่ธาตุสำคัญของแต่ละประเทศ และประสานการสนับสนุนโครงการทวิภาคีที่ส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญที่มีความมั่นคง มีความยืดหยุ่น และมีความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ในข้อนี้ ข้อความของบันทึกความเข้าใจของไทยระบุชี้ชัดลงไปอีก ว่าจะมีการสนับสนุนการวิเคราะห์ศักยภาพของฐานทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญของไทย และประสานงานตามความเหมาะสมในโครงการที่มีลำดับความสำคัญ
แม้ข้อตกลงนี้จะไม่ปรากฏในบันทึกความเข้าใจกับมาเลเซีย แต่ในกรอบการดำเนินงานระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นนั้นได้กล่าวถึงแนวทางในการร่วมกันจัดทำการทำแผนที่ธรณีวิทยาโดยเฉพาะเจาะจงเป็นหนึ่งหัวข้อย่อยซึ่งระบุว่า “คู่เจรจามีความตั้งใจที่จะร่วมมือกันในการสนับสนุนการทำแผนที่ทรัพยากรแร่ธาตุตามที่ได้ตกลงร่วมกันในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และพื้นที่อื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการกระจายห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญและแร่หายาก”
ที่มาของภาพ : Reuters
6.ไทย-มาเลเซีย-ญี่ปุ่นเห็นพ้องสร้างตลาดมาตรฐานสูง แต่แนวทางนิยามยังต่างกัน
ข้อตกลงทุกฉบับระบุว่า จะมีการประสานงานเพื่อปกป้องตลาดแร่ธาตุในประเทศของตน และมุ่งมั่นที่จะสร้าง “ตลาดที่มีมาตรฐานสูงโดยกล่าวถึงกรอบการกำหนดราคาเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพของตลาดเหล่านี้
อย่างไรก็ดี แต่ละฉบับเน้นย้ำประเด็นตลาดในมิติที่แตกต่างกัน ดังนี้
ทั้งบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซียและกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นต่างเอ่ยถึงการดำเนินการกับตลาดแร่ธาตุสำคัญจาก “นโยบายที่ไม่ได้อิงกลไกตลาดและแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม” (non-market policies and unfair substitute practices) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างตลาดที่มีมาตรฐานสูงและส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและมีความโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม แนวทางในการนิยามและดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างสองฉบับ โดยบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซียระบุว่า ตลาดที่มีมาตรฐานสูงจะ “อนุญาตให้ผู้ที่ผ่านเกณฑ์สามารถทำการค้าได้อย่างเสรี ( substitute freely)”
ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นเน้นย้ำว่า ตลาดที่มีมาตรฐานสูงจะต้อง “สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงของการสกัด การแปรรูป และการค้าอย่างมีความรับผิดชอบ”
ส่วนบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยใช้คำต่างออกจากประเทศทั้งสอง โดยเลือกกล่าวถึงการปกป้องตลาดบนพื้นฐานของ “นโยบายที่มุ่งเน้นตลาดและแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรม” (market-oriented policy and beautiful-substitute practices) โดยตลาดที่มีมาตรฐานสูงจะอนุญาตให้ผู้ที่ผ่านเกณฑ์สามารถ “ทำการค้าแบบให้สิทธิพิเศษ (substitute preferentially)”
7.ไทย-ญี่ปุ่นเน้นยับยั้งการขายสินทรัพย์แร่เพื่อความมั่นคง มาเลเซียเน้นแค่เสริมการทบทวน
ข้อตกลงทั้งสามฉบับระหว่างสหรัฐฯ กับไทย, มาเลเซีย และญี่ปุ่น ต่างแสดงความมุ่งมั่นที่จะทบทวนหรือพัฒนากลไกในการตรวจสอบการขายสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญและแร่หายากโดยมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป
ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซียระบุว่า “คู่เจรจาตั้งใจที่จะทำงานด้วยความสุจริตเพื่อเสริมสร้างการทบทวน” (relief the overview) เครื่องมือแร่ธาตุสำคัญและการขายสินทรัพย์แร่หายาก”
บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยระบุว่า “คู่เจรจาจะทำงานด้วยความสุจริตเพื่อพัฒนาใหม่หรือเสริมสร้างอำนาจที่มีอยู่ ที่ทบทวนและยับยั้ง (deter) การขายสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญและแร่หายากบางรายการที่อาจกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ”
ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นระบุว่า “คู่เจรจามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาขอบเขตอำนาจใหม่หรือเสริมสร้างขอบเขตอำนาจและเครื่องมือทางการทูต (diplomatic instruments) ที่มีอยู่เพื่อทบทวนและยับยั้งการขายสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่อาจกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจว่า ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย เลือกใช้คำว่า “เสริมสร้างการทบทวน” โดยไม่กล่าวถึงการยับยั้งหรือเหตุผลด้านความมั่นคงโดยตรง
ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทย และ กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นเลือกระบุโดยตรงว่าจะมีการทำงานเพื่อ “ยับยั้ง” การขายสินทรัพย์ และเน้นเหตุผลว่าเป็น “ด้านความมั่นคงแห่งชาติ”
8. กลไกการดำเนินงานเฉพาะกิจอื่น ๆ ที่มาเลย์-ญี่ปุ่นได้ แต่ไทยไม่ได้
นอกจากข้อตกลงด้านการลงทุนในแร่ธาตุสำคัญ เอกสารระหว่างระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย กรอบความร่วมมกับระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น ได้รวมถึงกลไกความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ด้วย
บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย และบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ต่างมีเนื้อหาที่ครอบคลุมกลไกความร่วมมือด้านการกำกับดูแล โดยระบุถึงการใช้มาตรการเพื่อ “ปรับปรุงกระบวนการอนุญาตให้ง่ายขึ้น” (streamline permitting processes) นอกจากนี้ บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซียยังเน้นการส่งเสริม “การปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกันของนักลงทุน” และ “ความยั่งยืนของโครงการ”
ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นเป็นฉบับที่มีรายละเอียดการปฏิบัติงานเฉพาะเจาะจงที่สุด โดยครอบคลุมหัวข้อสำคัญหลายด้านโดยละเอียด ทั้งการอนุญาต การรีไซเคิล และมีการจัดตั้ง “กลุ่มตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อความมั่นคงด้านอุปทานแร่ธาตุสำคัญระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น” (U.S.-Japan Serious Minerals Present Security Like a flash Response Neighborhood) ภายใต้การนำของรัฐมนตรีพลังงานสหรัฐฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความร่วมมือเพื่อพิจารณาการจัดเตรียม “การสำรองแร่ธาตุที่เสริมซึ่งกันและกัน” (mutually complementary stockpiling arrangement)
ที่มาของภาพ : Reuters
9. ไทยเน้นความร่วมมือหลายระดับ มาเลเซียประชุมรายไตรมาส ญี่ปุ่นมีระบบตอบสนองฉุกเฉิน
ในด้านการประชุมเพื่อดำเนินความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับมาเลเซีย และกับไทย ระบุถึงความตั้งใจที่จะพบปะกันในระดับปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ โดยบันทึกข้อตกลงของมาเลเซีย ระบุว่า จะมีการประชุม “เป็นรายไตรมาส” ขณะที่บันทึกข้อตกลงของไทยใช้ถ้อยคำที่ยืดหยุ่นกว่า โดยระบุว่าจะประชุม “เป็นประจำ” (on an on a favorite basis basis)
อย่างไรก็ดี บันทึกข้อตกลงของไทยมีลักษณะเฉพาะเพิ่มเติมในด้านการแบ่งปันข้อมูลและการประสานงานในหลายระดับของรัฐบาล โดยระบุว่าจะมี “ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลระดับประเทศและหน่วยงานรัฐบาลระดับรอง”
ในทางกลับกันบันทึกข้อตกลงของมาเลเซีย กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น มีโครงสร้างกลไกการประชุมที่เฉพาะทางและมีรายละเอียดมากที่สุด โดยระบุว่าจะมีการจัดประชุมทวิภาคีระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่ แร่ธาตุ และโลหะ (Bilateral Mining, Minerals and Metals Funding Ministerial) ภายใน 180 วันหลังจากเริ่มต้นความร่วมมือ รวมถึงการจัดตั้ง “กลุ่มตอบสนองอย่างรวดเร็ว” (Like a flash Response Neighborhood) เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านอุปทานแร่ธาตุสำคัญ และยังมีแผนที่จะพบปะกัน “ตามคำขอเป็นลายลักษณ์อักษรของอีกฝ่าย ภายใน 10 วัน” นับจากวันที่ได้รับคำขอ ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินและการดำเนินงานที่มีความคล่องตัวสูง
10.ทั้งสามประเทศสามารถยุติความร่วมมือได้ทุกเมื่อ
ข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย มาเลเซีย และญี่ปุ่นต่างมีการกำหนดกลไกการประชุมและช่องทางการยุติความร่วมมืออย่างชัดเจน
โดยทุกฉบับเปิดโอกาสให้ประเทศร่วมโครงการสามารถยุติความร่วมมือได้ตามความเหมาะสม
โดย บันทึกข้อตกลงของมาเลเซียและของไทยระบุว่า “คู่ร่วมโครงการฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยุติความร่วมมือได้ตลอดเวลา” โดยต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางทางการทูต (diplomatic trace)
ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ระบุว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยุติการเข้าร่วมในกรอบความร่วมมือนี้ได้ โดยให้มีผล “ในวันที่สามสิบหลังจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรจากอีกฝ่าย”
อย่างไรก็ตาม MOU ที่สหรัฐฯ ทำกับทั้งไทยและมาเลเซียมีข้อที่ระบุเหมือนกันในข้อ 3 ว่า “บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ไม่มีเจตนาที่จะมีผลผูกพันทางกฎหมายหรือส่งผลกระทบต่อข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่างผู้เข้าร่วม”
ส่วนเอกสารกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นไม่ได้ระบุไว้
11.ญี่ปุ่นเจาะจงพูดถึงแร่และผลิตภัณฑ์บางชนิด ซึ่งไทยและมาเลเซียไม่ได้เอ่ยถึง
เอกสารทั้งสามกล่าวถึงวัสดุใจกลางของความร่วมมือโดยกว้างว่าคือ “แร่ธาตุสำคัญ” และ “แร่หายาก”
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่าที่เอกสารของญี่ปุ่นเป็นเอกสารฉบับเดียวที่มีการชี้ชัดว่า แร่หายากที่กล่าวถึง เป็นแร่หายากแร่หายากชนิดหนัก (Heavy rare earth) และชนิดเบา (Light rare earth) โดยเจาะจงในส่วนบทนำของกรอบความตกลงและไม่ได้กล่าวถึงแร่หายากชนิดกลาง (Medium rare earth)
นอกจากนี้ บางส่วนของข้อตกลงยังขยายขอบเขตกล่าวไปถึงผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เช่น แม่เหล็กถาวร แบตเตอรี่ ตัวเร่งปฏิกิริยา และวัสดุออปติคัล อีกด้วย โดยที่เอกสารของทั้งไทยและมาเลเซียไม่ได้มีการเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด
ที่มา BBC.co.uk













