
ปปง.สั่งอายัดเงินเพิ่มอีก 3.7 แสน คดี ‘กาญจนา’ลูกจ้างสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจ.ลำพูน-พวก ทำเอกสารเท็จลวงกู้เงิน หลังคณะกรรมการหลงเชื่ออนุมัติ ก่อนหน้า ปี 2567 ยึดได้ 9 แสน ขณะที่ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 20 ปี ร่วมชดใช้ผู้เสียหาย 160.2 ล.
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.244/2568 ลงวันที่ 11 กันยายน 2568 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ราย นางกาญจนา กับพวก ซึ่งเป็นลูกจ้าง สหกรณ์ออมทรัพย์ ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด มีพฤติการณ์การกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ฐานได้ร่วมกันทำเอกสารการยื่นคำร้องขอกู้เงินฉุกเฉินจากสมาชิกสหกรณ์ เพื่อลวงให้คณะกรรมการเงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด หลงเชื่อว่ามีสมาชิกสหกรณ์ขอยื่นกู้เงินฉุกเฉินและขอกู้เงินสวัสดิการ เมื่อคณะกรรมการเงินกู้สหกรณ์ฯ หลงเชื่อพิจารณาอนุมัติ ผู้ต้องหาได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเอกสารที่เกี่ยวกับการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารผู้กู้แต่ละราย โดยเปลี่ยนแปลงข้อมูลเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร การโอนเงินกู้ดังกล่าว ให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ต้องหา ต่อมามีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรนิคมอุตสาหกรรม และพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 5 ราย และศาลจังหวัดลำพูนได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 พิพากษาจำเลยทั้งห้า มีกำหนดคนละ 20 ปี และให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชดใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 160,241,921.20 บาท และเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2568 ศาลแพ่งได้มีคำสั่งชี้ขาดให้คืนทรัพย์สินหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายแทนการสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
ทรัพย์สินที่อายัด ได้แก่ เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ ชื่อนางกาญจนา ยอดเงินคงเหลือ 375,646.94 บาท มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับแต่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ นับแต่วันที่ 11 ก.ย.- 9 ธ.ค.2568
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า การอายัดทรัพย์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สอง ก่อนหน้านี้ ปปง.มีคำสั่ง คณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.154/2567 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2567 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนางกาญจนา กับพวก จำนวน 463 รายการ ประกอบด้วย ประเภทรถยนต์ เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร สังหาริมทรัพย์ประเภท ทองรูปพรรณ เพชร เครื่องประดับ กำไล นาฬิกา แหวน สร้อยคอ ต่างหู เครื่องแต่งกาย หมวก ผ้าพันคอ กางเกงยีน รองเท้า วัตถุมงคล และอื่นๆ รวมมูลค่า 911,960.94 บาท
@ เปิดรายละเอียดที่มาของคดี
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงาน จากสถานีตำรวจภูธรนิคมอุตสาหกรรม ตามหนังสือที ดช.0020.10.16 (ลพ)/1460 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 เรื่อง รายงานเหตุตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ
นางกาญจนา ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวจันทรชา ผู้ต้องหาที่ 2 และนางจารุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นลูกจ้างสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด ได้ร่วมกันทำเอกสาร การยื่นคำร้องขอกู้เงินฉุกเฉินจากสมาชิกสหกรณ์ เพื่อลวงให้คณะกรรมการเงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด หลงเชื่อว่ามีสมาชิกสหกรณ์ขอยื่นกู้เงินฉุกเฉินและขอกู้เงินสวัสดิการ เมื่อคณะกรรมการเงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด หลงเชื่อพิจารณาอนุมัติ ผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเอกสารที่เกี่ยวกับการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารผู้กู้แต่ละราย โดยเปลี่ยนแปลงข้อมูลเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร การโอนเงินกู้ดังกล่าว ให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ของผู้ต้องหาทั้ง 3 โดยผู้ต้องหาได้ร่วมกันกระทำความผิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ต่างกรรมต่างวาระ จึงก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด เป็นจำนวนมาก ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดลำพูน ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ และพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานใหม่ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว โดยพบผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม คือ นางอังคณา ผู้ต้องหาที่ 4 และนางจินตนา ผู้ต้องหาที่ 5
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 ฐานร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง และร่วมกันปลอมเอกสาร เอกสารสิทธิ และใช้เอกสาร เอกสารสิทธิปลอม อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 91 มาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 268 มาตรา 335 (7) และ (11) พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11 อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (14) (18) แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางกาญจนา ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว และศาลจังหวัดลำพูนได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 พิพากษาจำเลยทั้งห้า มีกำหนดคนละ 20 ปี และให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชดใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 160,241,921.20 บาท และเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2568 ศาลแพ่งได้มีคำสั่งชี้ขาดให้คืนทรัพย์สินหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายแทนการสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จากการตรวจสอบพบข้อมูลเพิ่มเติม นางกาญจนาเป็นเจ้าของเงินฝากอีก 1 รายการซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินดังกล่าว
ข่าวเกี่ยวข้องก่อนหน้า: ปปง.ตามยึดทรัพย์ได้ 9 แสน! คดี เจ้าหน้าที่ทำเอกสารเท็จกู้เงินสหกรณ์ ตำรวจลำพูน













