
กองทัพเมียนมาบอกว่าต้องการกวาดล้างเมืองสแกมเมอร์ แต่พวกเขากำลังทำอย่างที่พูดจริงหรือ ?

ที่มาของภาพ : BBC/ Jonathan Head
- Creator, โจนาธาน เฮด,
- Role, ผู้สื่อข่าวประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้,
- Reporting from, กรุงเทพมหานคร,
- Creator, ลูลู่ ลัว,
บรรยากาศเงียบสงบในยามบ่ายแก่ ๆ ริมแม่น้ำเมยซึ่งกั้นพรมแดนไทยกับเมียนมา ถูกทำลายลงด้วยเสียงsะเบิดกึกก้องสามครั้ง
ครอบครัวชาวกะเหรี่ยงที่กำลังอาบน้ำและเล่นน้ำต่างวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนกขึ้นฝั่ง ขณะที่ควันดำพวยพุ่งจากแนวต้นไม้ด้านหลัง
ความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นจากการรัฐประหารของกองทัพเมียนมาเมื่อเกือบห้าปีก่อน ได้กลับมาถึงแนวชายแดนแห่งนี้อีกครั้ง
ทว่าการสู้รบครั้งนี้เชื่อมโยงกับศูนย์ลวงลวงออนไลน์ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารหลายหลัง ดำเนินการโดยแก๊งอาชญากรรมจีน ซึ่งแพร่กระจายในรัฐกะเหรี่ยงตลอดสองปีที่ผ่านมา
“เรากำลังทำงานเพื่อกวาดล้างกิจกรรมลวงลวงออนไลน์ให้หมดไปจากรากเหง้า” พล.อ.ซอ มิน ตุน โฆษกคณะรัฐบาลทหารเมียนมากล่าว
ถึงกระนั้น มันมีเหตุผลมากมายที่ทำให้คำกล่าวอ้างของกองทัพยังน่าสงสัย แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่สงครามกลางเมืองอันยาวนานของเมียนมาและวิกฤตการลวงลวงออนไลน์ กำลังร้อยรัดเป็นเรื่องเดียวกัน

ที่มาของภาพ : Getty Photos
หลังจากสูญเสียการควบคุมในพื้นที่ขนาดใหญ่ของประเทศให้กับกลุ่มกบฏ ในปีนี้คณะรัฐประหารโต้กลับด้วยการเสริมกำลังจากทหารที่เกณฑ์เข้ามาใหม่ รวมถึงใช้ยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ อย่างเช่น โดรนที่ได้รับจากรัสเซียและจีน
ในรัฐกะเหรี่ยง กองทัพได้ผลักดันคู่ปรับหลักอย่างกองกำลังของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ เคเอ็นยู (Karen Nationwide Union – KNU) ซึ่งต่อสู้กับกองทัพมานานถึงแปดทศวรรษ และเป็นหนึ่งในฝ่ายที่ต่อต้านการรัฐประหารอย่างแข็งขันที่สุด
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุดClose of ได้รับความนิยมสูงสุด
แล้วจู่ ๆ ในช่วงปลายเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา กองทัพก็เข้ายึดเคเค พาร์ค (KK Park) หนึ่งในเมืองสแกมเมอร์ที่ใหญ่และฉาวโฉ่ที่สุดในรัฐกะเหรี่ยง พร้อมกับขับไล่ชาวต่างชาติจำนวนหลายพันคนที่ทำงานลวงลวงผู้คนผ่านช่องทางออนไลน์อยู่ที่นั่น โดยบางคนทำงานด้วยความสมัครใจ บางคนถูกลวงหรือถูกค้ามนุษย์และถูกบังคับให้ทำงาน
ด้านกองทัพเมียนมาเผยแพร่วิดีโอทหารยึดโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และจานดาวเทียมจากบริการของสตาร์ลิงก์ (Starlink) ของอีลอน มัสก์ จากนั้นเริ่มใช้sะเบิดทำลายอาคารต่าง ๆ ภายในเมืองเคเค พาร์ค
ท่าทีที่เปลี่ยนไปเช่นนี้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้ปกครองทหารเมียนมาเพิกเฉยต่อธุรกิจลวงลวงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วตามแนวชายแดนไทยมาโดยตลอด
เมืองสแกมเมอร์แห่งนี้ มีขุนศึกท้องถิ่นที่เป็นพันธมิตรกับกองทัพเมียนมาเป็นผู้คอยให้ความคุ้มกันและขุนศึกเหล่านั้นก็ร่ำรวยขึ้นมาอย่างมหาศาลเนื่องจากเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกับชาวจีนซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งขบวนการลวงลวงด้วย
เงินบางส่วนไหลเข้าสู่กระเป๋าของนายพลผู้ปกครอง แต่คณะรัฐประหารพยายามโยนความผิดให้ KNU แม้ไม่มีหลักฐานสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะ KNU ต่างจากกลุ่มติดอาวุธกะเหรี่ยงอื่น ๆ ตรงที่ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้
ผู้คนทั่วโลกต่างสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากการตกเป็นเหยื่อแบบโรแมนซ์สแกม หรือ ลวงให้รัก บางคนถูกลวงว่าจะรวยขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการลงทุนในสกุลเงินคริปโต และผู้สูงวัยบางคนก็ถูกลวงให้ไปลงทุนในกองทุนปลอม ๆ ซึ่งหลายแห่งมีต้นตออยู่ในเมืองสแกมต่าง ๆ เหล่านี้ นี่เป็นด้านมืดที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากอุตสาหกรรมประเภทนี้เกิดขึ้นที่นี่และเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน รวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง
ปัญหานี้ทำให้นานาชาติกังวลมากขึ้น และมีความพยายามทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามภัยดังกล่าว โดยทางสหรัฐอเมริกาเพิ่งตั้งคณะทำงานต่อต้านการลวงลวงหลายหน่วยงาน ส่วนจีนซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของคณะรัฐประหารเมียนมาก็พยายามกดดันรัฐบาลทหารมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีพลเมืองจีนหลายพันคนตกเป็นเหยื่อ ทั้งการถูกโกงออนไลน์และการถูกค้ามนุษย์ไปกักขังเรียกค่าไถ่ในเมืองสแกมดังกล่าว
จากรายงานของสื่อรัฐบาลเมียนมาที่นำเสนอปฏิบัติการของกองทัพในเคเค พาร์ค ดูเหมือนแรงกดดันนี้เริ่มได้ผล
อย่างไรก็ตาม แม้การรื้อถอนในเมืองเคเค พาร์ค จะดูหวือหวา แต่มันไม่ได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการโกงที่นั่น และปฏิบัติการของกองทัพมุ่งเป้าเพียงเมืองสแกมเมอร์แห่งนี้เท่านั้น ทั้งที่ยังมีอีกหลายสิบแห่งตลอดแนวชายแดน
ทั้งนี้ ทางกองทัพเคยบุกเมืองชเวโก๊กโก่ซึ่งเป็นศูนย์สแกมเมอร์อีกแห่ง แต่เข้าไปเพียงไม่กี่อาคาร และจนถึงตอนนี้ก็ทำลายอาคารไปเพียงแห่งเดียวเท่านั้น

ที่มาของภาพ : BBC/ Jonathan Head
คนงานต่างชาติหลายพันคนที่ทำงานลวงลวงได้ออกจากเมืองเคเค พาร์ค และเมืองชเวโก๊กโก่ แล้วข้ามแม่น้ำเมยมายังประเทศไทย อีกหลายคนกระจัดกระจายไปยังสถานที่ต่าง ๆ แม้ว่าการเดินทางจะยากและมีค่าใช้จ่ายสูง
ตอนนี้แค่จองรถก็ต้องจ่าย 5,000 หยวน ซึ่งเท่ากับประมาณ 700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25,000 บาท โดยคาดว่าหัวหน้าขบวนการสแกมเมอร์กลุ่มหลัก ๆ ได้ย้ายธุรกิจไปยังพื้นที่ห่างไกลและลับตาคนมากขึ้น ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของชายแดนเมียนมาลงไป
เมื่อเดือนที่แล้ว ในเมืองชื่อมินเลป่านมีคนงานสแกมเมอร์กลุ่มหนึ่งติดอยู่ในกลุ่มอาคารสองแห่งที่ชื่อว่า ชุนดา (Shunda) และ เป่าหลี่ (Baoli) ซึ่งสร้างขึ้นริมแม่น้ำเมยภายในเวลาเพียง 2 ปีที่ผ่านมา โดยพื้นที่นี้อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตยหรือดีเคบีเอ (Democratic Karen Buddhist Navy-DKBA) หนึ่งในกองกำลังติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลทหารของเมียนมา
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ตามคำกล่าวของโฆษก KNU นักรบของพวกเขากำลังปะทะกับกองทัพเมียนมา แต่กลับถูกยิvตลบหลังโดย DKBA ที่อยู่เมืองมินเลป่าน พวกเขาจึงหันกลับไปขับไล่ DKBA และพบว่าตนเองเข้าควบคุมศูนย์ลวงลวงทั้งสองแห่ง พร้อมกับคนงานต่างชาติหลายพันคนที่ทำงานอยู่ที่นั่น โดยไม่คาดคิด
KNU ประกาศว่าต้องการสร้างแบบอย่างด้วยการเชิญนักข่าวและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศมาดูเมืองสแกมเมอร์ที่ถูกยึดได้แห่งนี้ พร้อมกับเผยแพร่ภาพถ่ายและเอกสารต่าง ๆ เพื่อเปิดโปงวิธีการทำงานของธุรกิจลวงลวง แทนที่จะทำลายหลักฐานเหมือนที่กองทัพเมียนมาทำในเมืองเคเค พาร์ค
พวกเขาส่งคนงานหลายร้อยคนข้ามแม่น้ำไปยังประเทศไทย แต่ยังมีราว 1,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีน ซึ่งปฏิเสธที่จะเดินทางออกไป อาจเพราะกลัวถูกดำเนินคดี หากถูกส่งกลับจีน
ทว่า นอกจากนักข่าวไม่กี่คน สิ่งที่ทาง KNU ยึดไว้ได้กลับไม่เคยได้รับความสนใจจากนานาชาติ และจากนั้นกองกำลังของรัฐบาลทหารก็เริ่มยิvปืนใหญ่เข้ามาเพื่อพยายามยึดพื้นที่เมืองสแกมเมอร์ทั้งสองแห่งคืน ซึ่งสามารถได้ยินเสียงจากฝั่งไทย
ตอนนี้แรงงานสแกมเมอร์ที่เหลือจำนวนมากได้หนีไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในเมียนมาแล้ว แต่ยังมีอีกหลายร้อยคนที่ตั้งแคมป์อยู่ใต้ผ้าใบกันฝนริมฝั่งแม่น้ำเมย พร้อมกับชาวบ้านอีกหลายร้อยคน โดยทุกคนหวังว่าที่ตรงนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงภัยจากปืนใหญ่ได้

ที่มาของภาพ : BBC/ Jonathan Head
ภาพดราม่าที่เกิดขึ้นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นเพียงสิ่งเดียว นั่นคือการเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นโดยรัฐบาลทหารที่กำลังจะเกิดขึ้นในปลายเดือนนี้ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากสงครามกลางเมืองที่ปะทุจากการรัฐประหารกำลังทำลายประเทศ ระบอบทหารถูกประชาชนเมียนมาส่วนใหญ่เกลียดชัง และถูกมองเป็นรัฐต้องห้ามในสายตานานาชาติ
บรรดานายพลกำลังมองหาทางออกที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ความชอบธรรม และดึงฝ่ายตรงข้ามบางส่วนมาเข้าร่วม และนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาหันมาใช้การเลือกตั้ง แต่มันเป็นการเลือกตั้งที่กลุ่มฝ่ายค้านหลักไม่สามารถเข้าร่วมหรือไม่ยอมเข้าร่วม และในหลายพื้นที่ของประเทศก็วุ่นวายเกินกว่าจะจัดการลงคะแนนได้
ด้วยเหตุนี้ ทางกองทัพเมียนมาจึงให้ความสำคัญกับการยึดคืนพื้นที่จากกลุ่มกบฏให้มากที่สุดก่อนการเลือกตั้งจะมาถึง และพยายามปรับภาพลักษณ์ด้วยปฏิบัติการที่เป็นข่าวใหญ่โตต่อเมืองสแกมเมอร์ต่าง ๆ เพราะมันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างพันธมิตรระหว่างประเทศอย่างจีน ซึ่งมีอิทธิพลมากที่สุด
ขณะที่บีบีซีอยู่บริเวณชายแดน เราเห็นฝุ่นคลุ้งเหนือเคเค พาร์ค ขณะอาคารหลายแห่งถูกทำลาย บางโครงสร้างขนาดใหญ่บิดงอ หน้าต่างแตกกระจาย ส่วนผนังของอาคารอื่นๆ ถูกรถขุดทำลาย
แต่ในระยะไกล ยังมีอาคารอีกหลายแห่งที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ บางแห่งมีสี่เหลี่ยมสีขาวบนหลังคาซึ่งเกือบแน่นอนว่าเป็นจานดาวเทียมสตาร์ลิงก์ ส่ิงนี้บ่งชี้ว่าการทำงานลวงลวงบางส่วนอาจยังดำเนินอยู่ที่นั่น
เมื่อขับรถลงใต้ตามแนวชายแดนประเทศไทยมาประมาณชั่วโมงครึ่ง คุณจะถึงจุดข้ามแดนที่เงียบสงบชื่อว่าบ้านวาเลย์ หรือ วาวเลย์ ในภาษาพม่า
แม่น้ำที่นี่แคบมากจนแทบเป็นเพียงลำธาร คุณเดินข้ามไปเมียนมาผ่านประตูเหล็กและสะพานไม้สีฟ้าขนาดเล็ก ซึ่งมีธงของ KNU โบกสะบัดต้อนรับได้เลย
แม้พื้นที่รอบบ้ายวาเลย์จะมีการแย่งชิงอย่างดุเดือด โดย KNU ยึดฐานทัพหลายแห่งเมื่อต้นปีนี้ แต่จุดข้ามแดนกลับอยู่ภายใต้การควบคุมของ DKBA
ในฝั่งไทย มีป้ายขนาดใหญ่เตือนประชาชนถึงความเสี่ยงที่จะถูกล่อไปทำงานในศูนย์สแกมเมอร์ แต่เพียงไม่กี่เมตรถัดไป มันกลับมีกลุ่มอาคารล้อมด้วยกำแพงที่มีลวดหนามขึงไว้ด้านบนอีกที โดยที่นี่ตั้งอยู่ประชิดแม่น้ำ และรู้จักกันในชื่อว่า ” ที่นี่รู้จักกันในชื่อเฮิงเซง 3 (Hengsheng 3) บีบีซีได้ยินเสียงเครื่องปั่นไฟทำงาน และเสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดคุยกันจากอีกฝั่งของกำแพง
กลุ่มอาคารแห่งนี้มีหน้าต่างติดลูกกรง และจานดาวเทียมสตาร์ลิงก์บนหลังคา กลุ่มติดตามขบวนการเหล่านี้ระบุว่าที่นี่ รวมถึงกลุ่มอาคารอีกหลายแห่งซึ่งเกิดขึ้นใหม่รอบ ๆ บ้านวาเลย์ ล้วนดำเนินการเป็นศูนย์ลวงลวง ขณะที่แก๊งอีกจำนวนมากย้ายลงใต้ไปยังเมืองพญาตองซูใกล้จุดข้ามแดนช่องด่านเจดีย์สามองค์
ไม่ว่าชะตากรรมของเมืองสแกมเมอร์ชื่อดังอย่าง เคเค พาร์ค และชเวโก๊กโก่จะเป็นอย่างไร มันยังเร็วเกิดไปที่จะตัดสินว่าเมืองต่าง ๆ เหล่านี้ถูกปิดตัวลงจริงหรือไม่ เพราะว่าธุรกิจลวงลวงต่าง ๆ ยังคงรุ่งเรืองในเมียนมา













