
โดนคดีที่สอง ! ศาลฎีกาฯพิพากษา จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ‘ชินกรณ์ สีเพ็ชร’ รอง อบต. ดูกอึ่ง อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน กรณีพ้นตำแหน่งอันเนื่องจากถูกพิพากษาในคดีแรก ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แล้ว องค์คณะเสียงส่วนใหญ่เห็นควรลงโทษสถานเบา ให้รอลงโทษ 2 ปี
สำนักว่าอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 8 ธ.ค. 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า นายชินกรณ์ สีเพ็ชร รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดูกอึ่ง อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.ดูกอึ่ง องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นควรให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหา ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท
เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อม 3/2567 โดยให้พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ 13 ธันวาคม 2566) ตามผลของกฎหมาย จากพฤติการณ์แห่งคดีนี้ซึ่งสืบเนื่องมาจากผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามคําพิพากษาแล้ว ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ตามกฎหมาย ไม่อาจกระทำความผิดลักษณะนี้หรือก่อให้เกิดความเสียหายซ้ำได้อีก ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน องค์คณะผู้พิพากษามีมติเห็นควรลงโทษผู้ถูกกล่าวหาในสถานเบา จึงให้รอการลงโทษ จําคุกไว้ โดยองค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นควรให้รอการลงโทษจําคุกไว้มีกำหนด 2 ปี
@เปิดรายละเอียดคำพิพากษา-คำร้อง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.20 /2568 คดีหมายเลขแดงที่ อม.Forty eight/2568 วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายชินกรณ์ สีเพ็ชร ผู้ถูกกล่าวหา
เรื่อง การแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้คำร้องว่า นายชินกรณ์ สีเพ็ชร ผู้ถูกกล่าวหา ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดูกอึ่ง อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2566 ตามคําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม 17/2566 หมายเลขแดงที่ อม 3/2567 พิพากษาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ในความผิดฐานจงใจไม่ยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดูกอึ่งเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ภายในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561 แต่เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาไม่ดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง ขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีพ้นจากตำแหน่งต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์ อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561 มาตรา 81 มาตรา 114 วรรคสอง (1) และลงโทษตามมาตรา 167 กับขอให้นับโทษ ผู้ถูกกล่าวหาต่อจากโทษจําคุกในคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม 19/2568
ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาในคดีที่ผู้ร้องขอให้นับโทษต่อ และเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาในคดีหมายเลขแดงที่ อม 3/2567 ที่ศาลรอการลงโทษ
@ไม่ยื่นบัญชีฯกรณีพ้นตำแหน่งครั้งถูกพิพากษาในคดีก่อนหน้า
พิเคราะห์คำร้องประกอบเอกสารท้ายคำร้อง และคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดูกอึ่ง อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่ วันที่ 13 ธันวาคม 2566 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม 17/2566 หมายเลขแดงที่ อม 3/2567 ซึ่งพิพากษาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ในความผิดฐานจงใจไม่ยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดูกอึ่งเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2566 และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
ตามสำเนาคำพิพากษาเอกสาร ท้ายคำร้องหมายเลข 7 ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 วรรคหนึ่ง (9) ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่ง ของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561
โดยมี หน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องภายในหกสิบวันนับแต่วันถัดจากวันพ้นจากตำแหน่ง หรือพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐ ต่อคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ข้อ 11 (2) ผู้ร้องตรวจสอบพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวต่อผู้ร้องภายในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 ตามที่กฎหมายกำหนด จึงมีหนังสือลงวันที่ 25 มีนาคม 2567 เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 9 แจ้งให้ ผู้ถูกกล่าวหาทราบและดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ผู้ถูกกล่าวหาไม่ดำเนินการดังกล่าว ผู้ร้องจึงมีหนังสือแจ้งให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 10 และจัดทำบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาส่งไปพร้อมหนังสือลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 11 แจ้งแก่ผู้ถูกกล่าวหา
โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ต่อมาเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนด ผู้ร้องไม่ได้รับบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาคืน จึงถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหา และไม่ประสงค์จะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 109, 114 วรรคหนึ่ง ประกอบระเบียบ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐและการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 ข้อ 34 และข้อ 38
ผู้ร้องพิจารณาแล้วมีมติในการประชุมครั้งที่ 13/2568 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์ อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งมีอำนาจพิจารณาและพิพากษาคดีของบุคคลตามมาตรา 102 (9) วินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและลงโทษทางอาญาผู้ถูกกล่าวหาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) มาตรา 81 และมาตรา 167 จึงยื่นคำร้องนี้
@พฤติการณ์จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดูกอึ่ง อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด หรือไม่
เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดูกอึ่งอันเป็นตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง ให้ตรงต่อความเป็นจริง กรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) และมาตรา 105 ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561
แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหาย่อมทราบว่ามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินทั้งของตนเองและคู่สมรสต่อผู้ร้องภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด และภายหลังเมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวผู้ร้องก็มีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่ายังไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และให้ผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ดำเนินการดังกล่าว ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ พยานหลักฐานในคดีจึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง
และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม และ เป็นความผิดตามมาตรา 167 แต่เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม 17/2566 หมายเลขแดงที่ อม 3/2567 คดีถึงที่สุดแล้ว จึงไม่จำต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาอีก
@ จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท มติเห็นควรลงโทษ สถานเบา รอการลงโทษจําคุกไว้ 2 ปี
พิพากษาว่า นายชินกรณ์ สีเพ็ชร ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดูกอึ่ง อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ประกอบมาตรา 81 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตามมาตรา 167 องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นควรให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหา ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท
พิเคราะห์คำร้องประกอบสํานวนคดีแล้ว คดีนี้ผู้ถูกกล่าวหาต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง เนื่องจากพ้นจากตำแหน่งตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อม 3/2567 โดยให้พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ 13 ธันวาคม 2566) ตามผลของกฎหมาย จากพฤติการณ์แห่งคดีนี้ซึ่งสืบเนื่องมาจากผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามคําพิพากษาแล้ว ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ตามกฎหมาย ไม่อาจกระทำความผิดลักษณะนี้หรือก่อให้เกิดความเสียหายซ้ำได้อีก ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน องค์คณะผู้พิพากษามีมติเห็นควรลงโทษผู้ถูกกล่าวหาในสถานเบา จึงให้รอการลงโทษ จําคุกไว้ โดยองค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นควรให้รอการลงโทษจําคุกไว้มีกำหนด 2 ปี
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ยกคําขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 81 วรรคสอง ส่วนที่ผู้ร้อง ขอให้นับโทษจําคุกคดีนี้ต่อจากโทษจําคุกในคดีหมายเลขดำที่ อม 19/2568 ของศาลนี้ เมื่อคดีนี้ ศาลรอการลงโทษจําคุก จึงให้ยกคําขอในส่วนนี้.
@คดีแรก สั่งให้พ้นตำแหน่ง-ถอนสิทธิ์สมัครเลือกตั้ง จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ก่อนหน้านี้คดีแรก วันที่ 7 ก.พ.2567 คดีหมายเลขดำที่ อม.17/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อม.3 /2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่า นายชินกรณ์ สีเพ็ชร ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.ดูกอึ่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดูกอึ่ง ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฎว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยรับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (ข่าวเกี่ยวข้อง: ศาลฎีกาฯให้พ้นตำแหน่ง-ถอนสิทธิ์สมัครเลือกตั้ง! รองนายก อบต.ดูกอึ่ง ไม่ยื่นบัญชีฯสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ)

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่ ปี 2568
-จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! รองนายก อบต.ดอนนางหงส์ นครพนม จงใจยื่นทรัพย์สินเท็จ (36)
-ศาลฎีกาฯสั่งกักขัง 4 เดือนแทนจำคุก นายกเทศฯ ต.วังบงค์ จ.พิจิตร ซุกหจก.รับเหมา,
คำพิพากษาฉบับเต็ม! นายก ทต.วังบงค์ จ.พิจิตร โอนหุ้นรับเหมาให้นอมินี-กักขัง 4 เดือน (35)
-จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ ‘เกรียงไกร’ เลขานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ (34)
-ให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีสักครั้ง! คุก 2 เดือน -รอลงโทษ ‘คฑาเทพ’อดีต สส.ยื่นบัญชีฯเท็จ ,
ฉบับเต็ม! สส. คฑาเทพ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน ให้โอกาสกลับตัว-รอลงโทษ(33)
-ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! รองนายก อบต.พรมสวรรค์ ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชี (32)
– พิพากษาฉบับเต็ม ‘พุทธชาติ’ สจ.บุรีรัมย์ ใช้นอมินีถือครองเงินลงทุน 7 แห่งใน 4 จว. ,
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2567 (เผยแพร่ 28 ม.ค.2567-12 ม.ค.2568)













