ปปป.แจงคืบหน้าสอบ 7 ผู้ต้องหาคดีทุจริตใบเสนอราคาซ่อมรถบัส พบทั้งหมดยังปฏิเสธข้อกล่าวหา

ปปป.แจงคืบหน้าสอบ 7 ผู้ต้องหาคดีทุจริตปลอมใบเสนอราคาซ่อมรถบัส สำนักวัฒนธรรมฯ กรุงเทพมหานคร พบเบื้องต้นทั้งหมดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา-ขอประกันตัวในชั้นสอบสวน เผยมีบางคนมีตำแหน่งสูงเป็นถึงอดีต ผู้อำนวยการ

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พันตำรวจเอกเพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผู้กำกับ1 บก.ปปป. เผยความคืบหน้าคดีการจับกุม 7 เจ้าหน้าที่กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และ การท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร ร่วมกันทุจริตปลอมใบเสนอราคาเบิกเงินซ่อมรถบัส ว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน ในจำนวนนี้ มี 5 คน ที่ถูกออกหมายจับ ส่วนอีก 2 คน เข้ามอบตัว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีในความผิด ม. 157 ฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร ร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเห็จ และร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเออกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ”

ปปป.ได้ดำเนินการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยมี 2 คน ที่เป็นอดีตผู้อำนวยการฯ ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว และเจ้าหน้าที่พัสดุ ได้กำหนดหลักทรัพย์ คนละ 4 แสนบาท ในการประกันตัว ส่วนอีก 3 คน ใช้ตำแหน่งประกันตัวไป และอีก 2 คน ให้ปล่อยตัวโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ เนื่องจากมามอบตัว โดยทั้งหมดจะทำเอกสารชี้แจงภายหลัง

เมื่อถามว่า นอกจากนี้ที่ยังพบว่ามีการทุจริตจัดซื้อน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันพาวเวอร์, น้ำมันเฟืองท้าย อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ราคาแพงเกินจริงหลายเท่า ได้มีการดำเนินการควบคู่ไปด้วยหรือไม่อย่างไร พันตำรวจเอก เพิ่มวุฒิ  กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบไปทางเจ้าหน้าที่ กรุงเทพมหานคร ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับช่างซ่อม ตรวจสอบข้อมูลจากกรมโรงงาน กรุงเทพมหานคร จึงได้รวบรวมข้อมูลดังกล่าวไว้ในสำนวนแล้ว โดยยอมรับว่ามีพฤติการณ์ทุจริตแบบนี้จริง ส่วนเรื่องการทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา  ทาง กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ร้องไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เอง ไม่ได้ร้องทุกข์มาที่ บก.ปปป. จึงเป็นอำนาจการชี้มูลของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ