ฟังความรอบด้าน เกิดอะไรขึ้นบ้างกรณี “บริษัท ซี.พี. เวียดนามฯ” ถูกกล่าวหาว่าขายเนื้อหมูป่วยในเวียดนาม

ที่มาของภาพ : Jonny Lieu/Fb

ภาพหมูที่มีจุดทั่วตัว ซึ่งมีข้อความระบุว่าถ่ายวันที่ 26 มี.ค. 2022 ถูกโพสต์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jonny Lieu เมื่อ 30 พ.ค. ปีนี้

ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แบรนด์ ซี.พี. ที่ขายในเวียดนาม กำลังเผชิญกับข้อสงสัยในสินค้า หลังอดีตพนักงานในร้าน ซี.พี. เฟรช ช็อป คนหนึ่ง ออกมาโพสต์ภาพหมูที่มีจุดทั่วตัวและกล่าวหาว่าบริษัท ซี.พี.เวียดนาม ไลฟ์สต็อค จอยท์ สต็อค ขายเนื้อหมูป่วยให้กับตลาดจังหวัดซ็อกจาง (Soc Trang)

ราวสองสัปดาห์ที่ทางการเวียดนามสอบสวนข้อกล่าวหานี้ มีรายงานล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อ 11 มิ.ย. โดยเว็บไซต์ข่าว Cong an nhan dan ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงความมั่นคงสาธารณะเวียดนาม รายงานว่า ผู้ตรวจการกรมการเกษตรและสิ่งแวดล้อมของจังหวัดซ็อกจาง ระบุว่า ได้ออกคำสั่งให้ลงโทษทางปกครองกับร้าน เฟรช ช็อป ซี.พี. 3 แห่งแล้ว หลังพบว่าใบอนุญาตด้านความปลอดภัยทางอาหารของร้านค้าทั้ง 3 แห่งหมดอายุ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบไม่พบว่า มีผลิตภัณฑ์หมูหรือไก่ที่ติดเชื้อ มีกลิ่นเหม็น หรือหมดอายุ ขายในร้านสาขาดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก “C.P. Vietnam Corporation” โพสต์เมื่อ 30 พ.ค. ระบุว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวที่เริ่มมาจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Jonny Lieu” และผู้ใช้บัญชีซาโล (Zalo – โซเชียลมีเดียของเวียดนาม) ที่ชื่อว่า “Ngan Tech” บิดเบือนและเป็นเท็จ โดยมีเจตนาเพื่อทำลายชื่อเสียงของบริษัท พร้อมบอกว่าภาพที่ถูกเผยแพร่ในบทความ “ไม่มีแหล่งที่มา และเวลาที่ชัดเจน และไม่ใช่ภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซี.พี.เวียดนาม ไลฟ์สต็อค จอยท์ สต็อค”

ทว่า บีบีซี แผนกภาษาเวียดนาม รายงานเพิ่มเติมว่าเมื่อ 2 มิ.ย. ว่า ตัวแทนของซีพีเวียดนามในจังหวัดเหิ่วซาง (Hau Giang) ยืนยันกับสื่อเองว่า ภาพที่เผยแพร่ในบัญชีโซเชียลมีเดียดังกล่าวเป็นภาพจริง โดยเป็นภาพที่ถูกถ่ายในโรงฆ่-าสัตว์ดงงา (Dung Nga) ในเขตฟุงเหียป (Phung Hiep) ซึ่งเป็นโรงงานที่ทำการแปรรูปเนื้อสัตว์ให้กับ ซี.พี. โดยตัวแทนบริษัทอธิบายว่าหมูในภาพดังกล่าวไม่ได้ถูกกระจายต่อให้กับสาธารณะ แต่ได้ให้เป็นอาหารปลาไปแล้วตามมาตรการของบริษัท

ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ซึ่งผู้ลงทุนในบริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชัน บอกกับ.ว่า การดำเนินกิจการของซีพีเอฟ แยกส่วนกับการดำเนินกิจการของ ซี.พี.เวียดนามฯ อย่างชัดเจน และกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนดำเนินการในประเทศนั้น ๆ ไม่มีการนำเข้าหรือส่งออกเนื้อสัตว์ รวมถึงเนื้อสัตว์แปรรูปซึ่งกันและกัน

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed readingได้รับความนิยมสูงสุด

of ได้รับความนิยมสูงสุด

เกิดอะไรขึ้นในกรณีนี้ที่เวียดนาม .รวบรวมข้อร้องเรียนและคำตอบจากทุกฝ่ายไว้ในรายงานชิ้นนี้

ข้อกล่าวหาจากอดีตพนักงาน

, 1

บทความนี้ประกอบด้วยเนื้อหาจาก Fb เราขอความยินยอมจากคุณก่อนใช้คุกกี้ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ บันทึกอะไรลงไป คุณอาจต้องอ่านนโยบายคุกกี้ของ Fb และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Fb ก่อนให้ความยินยอม หากต้องการอ่านเนื้อหานี้ โปรดเลือก “ยินยอมและไปต่อ”

, 1

ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Jonny Lieu” ซึ่งบีบีซี แผนกภาษาเวียดนามรายงานว่า เจ้าของบัญชี คือนายลิว กุย งัน (Lieu Quy Ngan) ซึ่งแชร์ข้อมูลดังกล่าวผ่านทางเพจเฟซบุ๊กและบัญชีซาโลของตัวเอง

โดยเมื่อ 27 พ.ค. เขาโพสต์ข้อความในลักษณะเตือนคนในจังหวัดซ็อกจาง เกี่ยวกับการซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์จากบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งที่ขายกุ้งและเนื้อหมู ว่ามีการขายเนื้อหมูที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อ โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่าชื่อบริษัทใหญ่ดังกล่าวคือ “XI PI”

จากนั้นวันที่ 30 พ.ค. เขาก็โพสต์ภาพหมูที่มีจุดทั่วตัว ซึ่งในภาพระบุวันที่ 26 มี.ค. 2022 พร้อมข้อความแนะนำตัวเองว่าเขาชื่อ ลิว กุย งัน และเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของบริษัท ซี.พี.เวียดนาม ไลฟ์สต็อค จอยท์ สต็อค ซึ่งในช่วงเวลาที่เขาทำงานในร้าน ซี.พี.เฟรช ช็อป แห่งหนึ่งในจังหวัดซ็อกจาง เขาอ้างว่า ผู้บริหารของบริษัททำผิดกฎหมายร้ายแรง โดยเขากล่าวหาว่ามีการผสมหมูและไก่ที่ป่วย มีชิ้นส่วนของหมูที่มีกลิ่นเหม็นถูกส่งมายัง เฟรช ช็อป และถูกกดดันให้ขายในจังหวัดซ็อกจาง นอกจากนี้ยังมีการผสมและขายลดราคาสำหรับผู้ซื้อไปทำไส้กรอก

โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ไปกว่า 184,000 ครั้ง และมีผู้แสดงความคิดเห็นกว่า 71,000 ข้อความ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นกระแสในเวียดนาม

ความเคลื่อนไหวของ ซี.พี.เวียดนามเป็นอย่างไร

เพียงราว 8 ชั่วโมงหลังจากนายลิวโพสต์ภาพหมูที่มีลักษณะผิดปกติและกล่าวหาบริษัทฯ เพจเฟซบุ๊ก “C.P. Vietnam Corporation” โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีนี้ โดยระบุว่าโพสต์ของเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว “บิดเบือนและเป็นเท็จ” โดยมีเจตนาเพื่อทำลายชื่อเสียงของบริษัท พร้อมบอกว่าภาพที่ถูกเผยแพร่ในบทความ “ไม่มีแหล่งที่มา และเวลาที่ชัดเจน และไม่ใช่ภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซี.พี.เวียดนาม ไลฟ์สต็อค จอยท์ สต็อค”

ในแถลงดังกล่าวยังยืนยันด้วยว่า บริษัทปฏิบัติตามข้อกำหนดทางสัตวแพทย์และขั้นตอนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดเพื่อให้มั่นใจได้ในสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหาร โดยเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ บริษัทได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทางการอย่างเร่งด่วนเพื่อชี้แจงและดำเนินการตอบระเบียบกฎหมายในการปกป้องสิทธิของบริษัท รวมถึงดำเนินการจัดการกับการกระทำที่ใส่ร้ายและบิดเบือนข้อเท็จจริง

เพจเฟซบุ๊ก “C.P. Vietnam Corporation” ยังระบุต่อไปว่า พวกเขามุ่งมั่นในการดำเนินกิจการทั้งหมดตามปกติ มั่งคง และเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย โดยสิทธิของลูกค้า พันธมิตร และผู้บริโภคจะได้รับการปกป้อง และบริษัทซีพีพร้อมรับและตอบข้อซักถามของลูกค้าผ่านช่องทางที่เป็นทางการอยู่เสมอ พร้อมขอให้ลูกค้าและพันธมิตรระมัดระวังไม่เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน โดยบริษัทจะแจ้งให้ลูกค้า พันธมิตร และชุมชนทราบทันทีถึงผลการทำงานและการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้

, 2

บทความนี้ประกอบด้วยเนื้อหาจาก Fb เราขอความยินยอมจากคุณก่อนใช้คุกกี้ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ บันทึกอะไรลงไป คุณอาจต้องอ่านนโยบายคุกกี้ของ Fb และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Fb ก่อนให้ความยินยอม หากต้องการอ่านเนื้อหานี้ โปรดเลือก “ยินยอมและไปต่อ”

, 2

ทว่า จากการรายงานของ บีบีซี แผนกภาษาเวียดนาม ระบุว่าในวันที่ 2 มิ.ย. ที่เจ้าหน้าที่ทางการของจังหวัดเหิ่วซาง ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงฆ่-าสัตว์สองแห่งของบริษัท ซี.พี.เวียดนาม ไลฟ์สต็อค จอยท์ สต็อค นั้น นายฮา ฮู ตาม (Ha Huu Tam) ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทในจังหวัดเหิ่วซาง บอกในการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบว่า ภาพหมูที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโซเชียลมีเดียนั้น ถูกโพสต์โดย L.Q.N. (ซึ่งเป็นตัวย่อหมายถึง นายลิว กุย งัน) ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของบริษัท

นายตามยืนยันว่า ภาพดังกล่าวถูกถ่ายในโรงฆ่-าสัตว์ดงงา (Dung Nga) และบันทึกไว้เพื่อรายงานกับทางบริษัท โดยนายตามระบุว่า หมูสองตัวที่เป็นโรคผิวหนังรุนแรง ซึ่งมีน้ำหนักรวม 72.7 กก. นั้น ถูกทำลายในโรงฆ่-าสัตว์ดังกล่าวตามกระบวนการ และไม่มีการส่งต่อไปยังสถานที่อื่น จากการรายงานของบีบีซี แผนกภาษาเวียดนาม

“เมื่อพบว่าหมูไม่สะอาดเหมือนกับหมูทั่วไป โรงฆ่-าสัตว์ บริษัท และสัตวแพทย์ ประสานงานกันในการกำจัดมันที่เตาเผา โดยการทำให้มันสุกและเอามันไปให้ปลากิน” บีบีซี แผนกภาษาเวียดนามรายงานตามคำพูดของนายตาม

ที่มาของภาพ : Jonny Lieu/CTV/BBC Vietnamese

ภาพหมูที่มีจุดทั่วตัวได้รับการยืนยันในภายหลังว่า ถูกถ่ายในโรงฆ่-าสัตว์ดงงา เมื่อปี 2022 ซึ่งตัวแทนจาก ซี.พี.เวียดนาม ฯ ยืนยันว่าได้ทำลายซากไปแล้ว และไม่ได้ส่งต่อออกสู่ตลาด

รายงานของบีบีซี แผนกภาษาเวียดนามอีกชิ้น เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นายฟ่าม วาน เดา (Pham Van Dau) รองผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ของจังหวัดซ็อกจาง บอกกับสื่อเวียดนามว่า เขาได้รับคำร้องขอที่ส่งมาจากรัฐบาลเวียดนามให้จัดการกับกรณีที่มีการโพสต์ข้อมูลเท็จที่ทำลายชื่อเสียงของธุรกิจดังกล่าว

เอกสารดังกล่าวลงนามโดยนายชิโนรส เบญจชวกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านทรัพยากรบุคคล ของบริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชัน และส่งผ่านมายังรัฐบาลเวียดนามในวันที่ 28 พ.ค. โดยรัฐบาลขอให้สำนักวัฒนธรรมฯ ตรวจสอบและจัดการกับนายงันตามกฎหมาย โดยทางบริษัทยังได้ร้องขอให้ลบข้อมูลที่มีการละเมิดและแก้ไขข้อมูลต่อสาธารณะ แต่นายเดายืนยันว่า เขาจะรอผลสรุปการสอบสวนอย่างเป็นทางการก่อนจึงจะ “ดำเนินการตามหน้าที่อย่างเหมาะสม” จากการรายงานของบีบีซี แผนกภาษาเวียดนาม

การสอบสวนของทางการ

บีบีซี แผนกภาษาเวียดนาม รายงานอ้างคำพูดของ น.ส.เหงียน ทู ทูย (Nguyen Thu Thuy) รองอธิบดีกรมปศุสัตว์และสุขภาพสัตว์ ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงการเกษตรและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ถึงความผิดปกติของรอยประทับตราบนตัวหมูในรูปที่มีการเผยแพร่

เธอระบุว่าหมูป่วยจะต้องถูกประทับตราเป็นสัญลักษณ์วงกลม และหากต้องถูกทำลายจะต้องได้รับการประทับตราเป็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยม แต่ในภาพที่มีการเผยแพร่ซึ่งระบุปีที่ถ่ายคือ 2022 นั้น หมูถูกประทับตราด้วยสัญลักษณ์สี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าสัตว์จะถูกฆ่-าเพื่อส่งไปยังตลาด จากการรายงานของบีบีซี แผนกภาษาเวียดนาม

บีบีซี แผนกภาษาเวียดนามยังรายงานคำพูดของ นายฟุง ดึ๊ก เทียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเกษตรและสิ่งแวดล้อมว่า วิธีการกำจัดซากหมูสองตัวที่เป็นประเด็นด้วยการให้เป็นอาหารปลานั้น “ไม่ถูกต้อง” โดยในกรณีลักษณะนี้ควรใช้ปูนขาว สารเคมี หรือใช้การเผาในการกำจัด

“ดูซากหมูนี่สิ มันแดงไปทั้งตัว เป็นสัญญาณของการมีเลืoดออก หาก มัน ไม่ใช่ไวรัส ก็ เป็น แบคทีเรีย มันไม่สามารถจะเอาไปให้ปลากินได้” นายเทียนระบุ จากการรายงานของบีบีซี แผนกภาษาเวียดนาม

ที่มาของภาพ : VGP/BBC Vietnamese

นายฟุง ดึ๊ก เทียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเกษตรและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม ระบุว่าว่าวิธีการกำจัดซากหมูสองตัวที่เป็นประเด็นด้วยการให้เป็นอาหารปลานั้น “ไม่ถูกต้อง” จากการรายงานของบีบีซี แผนกภาษาเวียดนาม

ด้านความเคลื่อนไหวในการสอบสวน หนังสือพิมพ์ SGGP ของเวียดนาม รายงานว่าเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 8 มิ.ย. สำนักปศุสัตว์ สัตวแพทย์ และการประมง (Department of Animal Husbandry, Veterinary and Fisheries) ของจังหวัดเหิ่วซาง ระบุว่า กรมตำรวจป้องกันอาชญากรรมสิ่งแวดล้อม ภายใต้กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ได้ประสานงานกับหน่วยงานเฉพาะทางภายใต้กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อม เพื่อสอบสวนเรื่องนี้แล้ว โดยจะเริ่มสอบสวนจากสถานที่ตั้งในจังหวัดซ็อกจางและจังหวัดเหิ่วซาง

ต่อมาวันที่ 11 มิ.ย. เว็บไซต์ข่าว Cong an nhan dan ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงความมั่นคงสาธารณะเวียดนาม เผยแผร่รายงานข่าวว่า ผู้ตรวจการกรมการเกษตรและสิ่งแวดล้อมของจังหวัดซ็อกจาก (Soc Trang) ได้ออกคำสั่งให้ลงโทษทางปกครองกับร้าน เฟรช ช็อป ซี.พี. 3 แห่ง ของบริษัท ซี.พี.เวียดนาม ไลฟ์สต็อค จอยท์ สต็อค แล้ว หลังพบว่าใบอนุญาตด้านความปลอดภัยทางอาหารของร้านค้าทั้ง 3 แห่งหมดอายุ โดยมีค่าปรับ 35 ล้านดอง (ราว 43,800 บาท) ต่อร้าน ซึ่งเมื่อรวมทั้ง 3 ร้านจะเท่ากับ 105 ล้านดอง (ราว 131,500 บาท)

คำสั่งนี้สืบเนื่องจากการที่ประธานคณะกรรมการประชาชนของจังหวัดซ็อกจาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ รวมถึงตำรวจภูธรจังหวัดตรวจสอบข้อร้องเรียนเรื่องการลักลอบขายหมูและไก่ติดเชื้ออย่างเร่งด่วน

โดยผลการตรวจสอบของคณะผู้แทนสหวิทยาการที่ร้าน ซี.พี.เฟรช ช็อป 4 สาขาในจังหวัด ไม่พบว่ามีผลิตภัณฑ์หมูหรือไก่ที่ติดเชื้อ มีกลิ่นเหม็น หรือหมดอายุ พบเพียงกรณีใบอนุญาตด้านความปลอดภัยทางอาหารหมดอายุ 3 ใน 4 สาขาที่เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ จากการรายงานของเว็บไซต์ข่าว Cong an nhan da

เรารู้อะไรแล้วบ้างเกี่ยวกับคนโพสต์กล่าวหาเรื่องนี้

เซน เหงียน ผู้สื่อข่าวบีบีซี แผนกภาษาเวียดนาม รายงานว่า นับตั้งแต่ที่นายงันโพสต์ข้อความกล่าวหาบริษัท ซี.พี. ในเวียดนามว่า ขายหมูป่วยให้กับคนในจังหวัดซ็อกจาง ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ค. เจ้าหน้าที่ทางการของเวียดนามก็เข้ามาดำเนินการกับเรื่องนี้ทันที และสำนักข่าวในประเทศเวียดนามก็รายงานความคืบหน้าเกือบทุกวันนับจากนั้น

จนถึงวันที่ 11 มิ.ย. ยังไม่มีข้อมูลว่า ซี.พี.เวียดนาม จะยื่นฟ้องนายงันหรือไม่ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าบริษัทได้ร้องขอเจ้าหน้าที่ทางการของจังหวัดซ็อกจางให้ดำเนินการกับการกระทำของนายงันที่เผยแผร่ข้อมูล “เท็จ”

จากจดหมายเลิกจ้างของบริษัท ซี.พี. เวียดนาม ที่ระบุวันที่ 1 มิ.ย. ระบุว่านายงันซึ่งเคยรับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงาน (admin aid staff) ถูกเลิกจ้างเพราะ “ขาดงานติดต่อกัน 5 วันโดยไม่มีเหตุอันสมควร”

ขณะที่นายงันบอกกับสื่อเวียดนามว่า เขาป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังและต้องเข้ารับการฟอกไตเป็นประจำ เขาอ้างว่าเขาได้รายงานต่อบริษัทไปแล้วและได้รับอนุญาตให้ทำงานจากที่บ้านในจังหวัดซ็อกจาง แต่ว่าหลังจากนั้นบริษัทก็ขอให้เขากลับมาทำงานที่เมืองเกิ่นเทอ (Can Tho) ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทาง 2.5 ชั่วโมงจากบ้านของเขา

บีบีซี แผนกภาษาเวียดนามพูดคุยกับนายฟุง ทันห์ ซอน (Phung Thanh Son) ทนายความชาวเวียดนามที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบริษัท เขาให้ความเห็นว่า ซี.พี. เวียดนาม ไม่สามารถบอกเลิกสัญญาแรงงานของนายงันเพียงฝ่ายเดียวได้จากเหตุผลข้างต้น

ทนายความผู้นี้อ้างอิงกฎหมายแรงงานปี 2019 (the 2019 Labor Code) ที่ระบุว่าบริษัทจะสามารถยกเลิกสัญญาได้ตามเงื่อนไขในสัญญาเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น บริษัทอาจบอกเลิกสัญญาได้เมื่อพนักงานอยู่ในระหว่างการรักษาและความสามารถในการทำงานไม่ฟื้นคืนในช่วงระยะเวลา 12 เดือนติดต่อกัน สำหรับสัญญาจ้างแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา

โดยระยะเวลาดังกล่าวอาจเป็น 6 เดือนติดต่อกัน สำหรับลูกจ้างที่ต้องเข้ารับการรักษาและมีสัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 12 เดือนถึง 36 เดือน

นอกจากนี้ บริษัทอาจเลิกสัญญาได้หากระยะเวลาการรักษานานเกินกว่าครึ่งหนึ่งของระยะเวลาตามสัญญาจ้าง ในกรณีของสัญญาจ้างที่มีระยะเวลาน้อยกว่า 12 เดือน

คำชี้แจงเพิ่มเติมจากเครือเจริญโภคภัณฑ์

ที่มาของภาพ : VGP/BBC Vietnamese

นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ พบปะกับ นายฝั่ม มิงห์ จินห์ นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม เมื่อ 16 พ.ค. ปีนี้

แม้ว่าจะยังไม่มีการชี้แจงอย่างเป็นทางการผ่านสื่อมวลชนจากซีพีเอฟ แต่มีความพยายามจากหลายภาคส่วนเพื่อเสาะแสวงหาข้อเท็จจริง หนึ่งในนั้นคือ การรายงานของเว็บไซต์ “Makemoney perception” ที่รายงานข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนในไทย รายงานอ้างอิงบนวิเคราะห์ของบริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา และ บล. กรุงศรีฯ ได้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวทางเพจเฟซบุ๊กของ บล.กรุงศรีฯ ว่า ได้สอบถามข้อมูลกรณีกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในเวียดนามกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ซึ่งชี้แจงกลับมายัง บล.กรุงศรีฯ ว่า ผู้ที่โพสต์กล่าวหาเป็นพนักงานที่ถูกไล่ออกแล้วไม่พอใจ จึงนำรูปหมูที่จะนำไปทำลาย ซึ่งเป็นรูปเก่าในปี 2022 มาโพสต์ให้ร้ายบริษัท

เว็บไซต์ Makemoney perception ยังรายงานคำชี้แจงของซีพีเอฟต่อ บล.กรุงศรีฯ ต่อไปว่า เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐ (ของเวียดนาม) เห็นว่าเนื้อสัตว์มีรอยที่ผิวหนัง แต่ไม่ได้มองว่าเป็นสัญญาณของโรค จึงสั่งห้ามจำหน่าย เนื้อหมูดังกล่าวจึงไม่ได้ถูกจำหน่ายออกไป โดยทางภาครัฐได้เข้าตรวจสาขาของเวียดนามแล้ว พบว่าความสะอาด และคุณภาพของสินค้าเป็นไปตามมาตรฐาน

โดยบทวิเคราะห์ของ บล.กรุงศรีฯ ตามการอ้างอิงของเว็บไซต์ดังกล่าว มองว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายและผลการดำเนินงานของซีพีเอฟอย่างมีนัยสำคัญ แต่อาจกระทบในเชิงจิตวิทยาระยะสั้นเท่านั้น

ขณะเดียวกัน .ได้ติดต่อไปยังบริษัท ซีพีเอฟ เพื่อซักถามในกรณีที่เกิดขึ้นที่เวียดนาม โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งจากซีพีเอฟบอกกับบีบีซีว่า แม้ซีพีเอฟจะถือหุ้นอยู่ในบริษัท ซี.พี. เวียดนาม ด้วย แต่การดำเนินกิจการของทั้งสองบริษัทแยกส่วนกันอย่างชัดเจน และกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนดำเนินการในประเทศนั้น ๆ ไม่มีการนำเข้าหรือส่งออกเนื้อสัตว์ รวมถึงเนื้อสัตว์แปรรูปซึ่งกันและกัน

เนื่องจากการดำเนินการของบริษัททั้งสองที่แยกส่วนกัน แหล่งข่าวรายดังกล่าวได้อธิบายเพิ่มเติมว่า จึงเป็นหน้าที่ของ ซี.พี.เวียดนาม เป็นผู้ชี้แจง โดยเบื้องต้นทาง ซี.พี.เวียดนาม ได้แจ้งกับทางซีพีเอฟว่า ถูกรัฐบาลเวียดนามร้องขอให้ยุติการสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนจนกว่าผลการตรวจสอบของภาครัฐจะออกมาอย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้านี้ บีบีซีเวียดนาม ได้ส่งอีเมลไปทางผู้บริหารของบริษัท ซี.พี. เวียดนาม และบริษัทซีพีเอฟในไทยแล้ว เพื่อสอบถามในกรณีที่ถูกกล่าวหาตั้งแต่ 2 มิ.ย. พร้อมกับส่งประเด็นคำถามไปเพิ่มเติมเมื่อ 3 มิ.ย. หลังมีการยืนยันว่าภาพดังกล่าวถูกถ่ายในโรงฆ่-าสัตว์ดงงา ซึ่ง ซี.พี.เวียดนาม ใช้บริการ

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายสื่อสารองค์กรของซีพีเอฟตอบอีเมลบีบีซี แผนกภาษาเวียดนามเมื่อ 6 มิ.ย. ระบุว่ากรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยทางอาหารต่อผู้บริโภค พร้อมระบุว่า “เรากำลังติดตามกระบวนการนี้อย่างใกล้ชิดและจะรอประกาศอย่างเป็นทางการถึงผลการตรวจสอบ”