
ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ผนึก Meta และ 5 ชาติพันธมิตร เปิดยุทธการ “Joint Disruptions Week” กวาดล้างเพจมิจฉาชีพกว่า 59,000 เพจ พร้อมสกัดโฆษณาลวงลวง 5,000 รายการต่อวัน
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตำรวจ/ผู้อำนวยการศปอส.ตำรวจ และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตำรวจ/รอง ผู้อำนวยการศปอส.ตำรวจหารือกับทาง Meta (Facebook) และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระดับโลก เช่น
- หน่วยงานจากสหรัฐอเมริกา เช่น FBI , Fatherland Security Investigations (HSI), Secret Provider
- สหราชอาณาจักร: Nationwide Crime Company
- ออสเตรเลีย: Australian Federal Police (AFP)
- สิงคโปร์: Singapore Police Pressure (SPF)
อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ “Rip-off” ในปัจจุบัน ไม่ใช่อาชญากรรมภายในประเทศอีกต่อไป แต่เป็น “อาชญากรรมข้ามชาติ” ที่ทำเป็นขบวนการ มีฐานปฏิบัติการในหลายประเทศ และใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือหลัก เป็นภัยคุกคามระดับโลก ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็น “กุญแจสำคัญ” ในการรู้ทันและตัดวงจร
อาชญากร จึงเกิดเป็นความร่วมมือกับหน่วยงานข้างต้น สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเป็นสัปดาห์ปฏิบัติการพิเศษ
“Joint Disruptions Week” เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยมีผลการปฏิบัติงานเชิงรุก ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด แบบนั่งโต๊ะติดกัน กับทีมงาน Meta ตลอด 5 วันที่ผ่านมา (8–12 ธ.ค.) มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3 ผลลัพธ์ ในการหยุดอาชญากรรมออนไลน์
1. กวาดล้างครั้งใหญ่ (Mass Takedown): ปิดเพจปลอมและเพจกลุ่มเสี่ยงไปแล้วกว่า 59,000 เพจ รวมถึงกลุ่ม Facebook ที่เกี่ยวกับการฟอกเงินและรับสมัครงานผิดกฎหมาย
2. สกัดกั้นโฆษณาทันที (Loyal-time Blocking off): พัฒนาระบบตรวจจับร่วมกันจนสามารถลบโฆษณาลวงลวง ได้เฉลี่ย 4,000 – 5,000 รายการต่อวัน โดยเฉพาะแอปฯ ปลอมที่แอบอ้างแพลตฟอร์มเทรดเหรียญ ซึ่งถูกจัดการได้ครบ 100% จากรายการที่ส่งไป
3. ระบุตัวตนคนร้าย (Target Identification): เป็นผลงานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า “เทคโนโลยีระบุตัวตนได้” โดยการทำงานครั้งนี้ สามารถระบุตัวบุคคลผู้ต้องสงสัยระดับสั่งการและผู้ชักชวนคนไปทำงานแก๊งสแกมเมอร์ได้ 6 ราย ซึ่งกบดานอยู่ในปอยเปต โดยเตรียมจับกุมทันทีที่ข้ามแดน
นอกจากนี้จากการหารือ ยังกำหนดยุทธวิธีใหม่ “ตัดท่อน้ำเลี้ยง และ เจาะฐานปฏิบัติการ”
นอกจากการปิดเพจแล้ว ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) และ Meta ได้ยกระดับการทำงานสู่การ “Note the Cash” คือการ ตรวจสอบบัตรเครดิตที่ใช้ยิvโฆษณาจำนวนมาก และการวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐาน IP Take care of เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายคนร้ายที่ใช้ VPN อำพรางตัว ซึ่งทางไทยได้รับคำชมจาก Meta ว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพในการระบุแหล่งที่มาคนร้ายได้ชัดเจนที่สุดแห่งหนึ่ง
ไม่เพียงเท่านั้น ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) และ Meta เตรียมขยายผลความร่วมมือ โดยจะจัด Workshop ต่อเนื่องในเดือนมีนาคม 2026 และมีแผนเชิญบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่น ๆ เข้าร่วม เพื่อสร้างเกราะป้องกันคนไทยจากภัยออนไลน์












