
กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ “ตามรอยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ เจ้าฟ้านักอนุรักษ์”
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2568 กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ “ตามรอยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ เจ้าฟ้านักอนุรักษ์” เพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งในปีพุทธศักราช 2528 รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 2 เมษายนของทุกปีเป็น “วันอนุรักษ์มรดกไทย” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้จัดพิธีเปิดนิทรรศการ ฯ โดยมี นายวรวัจน์ สุวคนธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานทรัพยากรบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนกลุ่มเอสซีบีเอกซ์เปิดงาน พร้อมด้วย รศ.ดร.หนึ่งฤดี โลหผล หัวหน้าโครงการอนุรักษ์ โครงการคลังข้อมูลของแผ่นดินสยาม ฯ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และดร.รัชพล เต๋จ๊ะยา ครูช่างศิลปหัตถกรรมกระจกเกรียบโบราณ ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาไทยบ้านเต๋จ๊ะยา ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ในการทำงานด้านการอนุรักษ์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นต่อไปได้เห็นคุณค่าของภูมิปัญญาและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไทย ณ พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่
นิทรรศการ ฯ จัดแสดงตัวอย่างผลงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและพระราชจริยวัตรด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู สืบทอดงานด้านศิลปวัฒนธรรม เพื่อน้อมนำหลักการทรงงานมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานให้สัมฤทธิ์ผลและเกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างยั่งยืน ผ่านงานอนุรักษ์ต่าง ๆ โดยการใช้วิทยาการและเทคโนโลยี ทั้งภูมิปัญญาดั้งเดิมและเทคโนโลยีใหม่ที่เหมาะสม ได้แก่
โครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง เนื่องในวาระครบ 200 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับพระราชภารกิจเป็นแม่กองในการบูรณปฏิสังขรณ์ ด้วยความเอาพระทัยใส่ในงานทุกส่วน ทรงเน้นย้ำเรื่องการศึกษาก่อนทำการอนุรักษ์ ทำให้เกิดการฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมไทยโบราณอันทรงคุณค่าที่สูญหายไป อาทิ การบูรณะปฏิสังขรณ์การประดับกระจกสีที่พระอุโบสถและอาคารอื่น ๆ ทรงให้ค้นคว้าภูมิปัญญาการหุง “กระจกเกรียบ” มหัศจรรย์ประณีตศิลป์แห่งสยามที่สูญหายไปแล้ว โดยมีพระบัญชาให้เก็บตัวอย่างกระจกเดิมที่เหลืออยู่เล็กน้อยไว้ที่เสาระเบียงพระอุโบสถและซุ้มใบเสมา 1 ซุ้ม เพื่อเป็นหลักฐานให้นักวิชาการและนักวิจัยรุ่นใหม่ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง ซึ่งก่อให้เกิดการศึกษาค้นคว้าวัสดุทดแทนโดยการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ร่วมกับภูมิปัญญาดั้งเดิม สร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมเชิงวัฒนธรรมอย่างกลมกลืน ซึ่งมีผู้ค้นคว้า วิจัยหลายโครงการ หนึ่งในนั้นคือ โครงการวิจัยค้นคว้าของ ดร.รัชพล เต๋จ๊ะยา อาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีความสนใจงานช่างศิลป์ทำแก้วสีแบบเก่าตามตำราโบราณ ที่ได้รับองค์ความรู้ตกทอดมาจากต้นตระกูลชาวไทเขิน และได้ทำการวิจัยค้นคว้า จนสามารถฟื้นฟูศาสตร์และศิลปะการหุงกระจกเกรียบตามแบบดั้งเดิมได้สำเร็จ สามารถขยายผลสู่งานการบูรณะเครื่องราชภัณฑ์ในสำนักพระราชวัง โบราณสถาน และโบราณวัตถุที่สำคัญของชาติ เช่น พระพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) และโครงการบูรณะพระไสยาสน์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ อันเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานรักษาความงดงามของอารยธรรมให้คงอยู่คู่ชาติไทย
การอนุรักษ์พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวาระครบรอบ 100 ปี แห่งการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คณะนักวิชาการของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำรวจพบว่าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประดิษฐาน ณ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ มีอายุกว่าหนึ่งร้อยปีมีความชำรุดเสื่อมสภาพ พระบรมฉายาลักษณ์ทั้ง 2 องค์ เป็นผลงานศิลปะภาพถ่ายที่ทรงคุณค่ายิ่ง เป็นหลักฐานการพิมพ์ภาพจากฟิล์มกระจกลงบนกระดาษขนาดใหญ่เสมือนพระองค์จริง (Life-size photography) ซึ่งในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นกรณีที่ทำได้ยากยิ่ง ทรงตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดความเสียหายเมื่อเปิดกรอบภาพโบราณเพื่อการบูรณะ จึงมีรับสั่งให้ศึกษาหาวิธีสำรอง เพื่อเตรียมจัดทำชิ้นงานเสมือนภาพต้นฉบับอีกวิธีหนึ่ง ด้วยพระราชูปถัมภ์และแนวพระราชดำริ จึงได้เกิดโครงการอนุรักษ์พระบรมฉายาลักษณ์ โดยมีขั้นตอนการอนุรักษ์อย่างเป็นระบบ ทั้งกระบวนการศึกษา ค้นคว้า บูรณะงานชิ้นเดิม และสามารถสร้างผลงานชิ้นใหม่ ด้วยกระบวนการพิมพ์ภาพด้วยเทคนิคการพิมพ์ภาพถ่ายด้วยแร่แพลทินัมและแร่แพลเลเดียม (Platinum-Palladium Print) ได้อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ภาพที่มีความงดงามและสีจะคงสภาพเดิมแม้เวลาจะผ่านไปเป็นศตวรรษ การอนุรักษ์พระบรมฉายาลักษณ์ทั้ง 2 องค์นี้ ทำให้เห็นความสำคัญของการเก็บข้อมูลเอกสาร ซึ่งเป็นองค์ความรู้ เป็นฐานข้อมูลให้กับการศึกษา วิจัย รวมถึงการอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณวัตถุของชาติ รวมถึงคลังเอกสารที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของไทยซึ่งปัจจุบันอยู่ในต่างประเทศ จึงนำมาสู่การกำเนิดโครงการคลังข้อมูลของแผ่นดินสยามต่อไป
โครงการ “คลังข้อมูลของแผ่นดินสยาม” ยุครัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 จากภารกิจงานอนุรักษ์พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นผลงานศิลปะภาพถ่ายที่ทรงคุณค่ายิ่ง นำมาสู่การต่อยอดการอนุรักษ์เอกสารประวัติศาสตร์สำคัญของสยาม โดยใช้นวัตกรรมบันทึกอดีตสู่การพัฒนาคลังปัญญาแห่งอนาคต โดยเป็นโครงการที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มีส่วนร่วมสนับสนุนผ่านมูลนิธิมหาจักรีสิรินธร เพื่อคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การดูแลของ รศ.ดร.หนึ่งฤดี โลหผล หัวหน้าโครงการอนุรักษ์ โครงการคลังข้อมูลของแผ่นดินสยาม ฯ เพื่อรวบรวม สร้างคลังข้อมูลประวัติศาสตร์ของแผ่นดินไทยที่กระจายอยู่ในต่างประเทศ กลับสู่แผ่นดินไทยในรูปแบบคลังดิจิทัลความละเอียดสูง ตามแนวพระปณิธานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยในนิทรรศการ ฯ นี้ ได้นำผลงานบางส่วนที่ยังไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน มาจัดเผยแพร่สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก เช่น สำเนาพิมพ์เขียว อาคารแบงก์สยามกัมมาจล (Siam Industrial Financial institution) ธนาคารไทยแห่งแรกของประเทศ ซึ่งนายมารีโอ ตามานโญ (Mario Tamagno) สถาปนิกชาวอิตาเลียนผู้มีสัญญารับราชการกับรัฐบาลสยาม ช่วงรัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 ได้นำพิมพ์เขียวต้นฉบับกลับไปเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักในประเทศอิตาลี หลังสิ้นสุดสัญญาการว่าจ้างมาทำงานในสยามซึ่งยาวนานกว่า 25 ปี ภาพถ่ายอาคารแบงค์สยามกัมมาจล ที่มีตัวหนังสือลายมือของนายมารีโอ ตามานโญ อ้างอิงตามบัญชีรายการผลงานที่นายมารีโอ ตามานโญ ได้จัดทำขึ้น ระบุว่าเขาเป็นผู้ควบคุมงานเทคนิคก่อสร้างและดูแลงบประมาณที่ใช้เพื่อการก่อสร้างอาคารในช่วง พ.ศ. 2452 – 2453 โดยมีนายอันนีบาเล รีก็อตตี (Annibale Rigotti) เป็นสถาปนิกหลักผู้ออกแบบสถาปัตยกรรม เป็นต้น ซึ่งทั้ง 2 ชิ้นงานนี้ คณะทำงานโครงการ ฯ ได้เดินทางไปเก็บข้อมูลและสร้างคลังข้อมูลดิจิทัลความละเอียดสูงที่ประเทศอิตาลี โดยได้รับความอนุเคราะห์จากศาสตราจารย์เอเลนา ตามานโญ ทายาทของนายมารีโอ ตามานโญ
ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมศึกษาเรียนรู้พระราชดำริและพระราชจริยวัตรด้านการอนุรักษ์ ไขความลับ “คลังปัญญาแห่งแผ่นดิน คลังข้อมูลแผ่นดินสยาม” และการฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมไทย “กระจกเกรียบ มหัศจรรย์ประณีตศิลป์แห่งสยาม” ได้ที่นิทรรศการเทิดพระเกียรติ “ตามรอยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ เจ้าฟ้านักอนุรักษ์” ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ณ พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ (รัชโยธิน) ระหว่างเวลา 9.30 – 16.30 น. (เว้นวันหยุดธนาคาร)
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )