
สภาผู้บริโภคเตือนแฟรนไชส์เสริมความงาม ‘แม็กฟิน' อาจใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ผ่าน อย. ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์แพ้ – กระทบผู้ลงทุนต้องปิดกิจการ 4 แห่ง
สำนักข่าวอิศรา . เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2568 นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค เปิดเผยว่า สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายที่ลงทุนซื้อแฟรนไชส์ แม็กฟิน (McFIN) ของบริษัท แม็กฟิน จำกัด ซึ่งอ้างว่าดำเนินธุรกิจขายแฟรนไชส์ความงามและผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วประเทศ แต่ประสบปัญหาและเจอพบข้อพิรุธหลายด้าน ในการขายแฟรนไชส์โดยใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพสัมผัสร่างกายของผู้บริโภคที่ใช้บริการ รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 70 รายการที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะไม่มีการจดแจ้งกับ อย.
ทั้งนี้จากการสอบถามผู้เสียหายทำให้ทราบว่า ผู้เสียหายได้ยื่นตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไปยัง อย. และได้รับยืนยันว่ามีผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 14 รายการที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง และ 11 จาก 14 รายการดังกล่าว ไม่มีเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอาง ทั้งนี้ มีผลิตภัณฑ์อีกกว่า 60 รายการที่พบความผิดปกติและกำลังรอผลการตรวจสอบของ อย. อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับผลิตภัณฑ์ 11 รายการที่ไม่มีเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอางและแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีรายชื่อดังนี้ McFIN EZX-1, McFIN Conceal TAB, McFIN ACNE REMOVER, McFIN Therapy MESO, McFIN Acne SUPREME, McFIN Vitamin GAL VANI C, McFIN Radio frequency RF, McFIN Vitela Jelly, McFIN Sunscreen SPF-30, McFIN Cleaning milk gel และ McFIN Clarilying gel
ขณะที่ผลิตภัณฑ์ 3 รายการที่มีเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอาง แต่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง ได้แก่ McFIN Perfumed lotion, McFIN SKIN TONER Stage 1 และ McFIN TONER Stage 2
นายภัทรกรกล่าวว่า การที่ผลิตภัณฑ์ไม่มีเลขที่จดแจ้งจาก อย. ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย เพราะผู้บริโภคจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าส่วนผสมที่แท้จริงคืออะไร มีสารต้องห้ามหรือสารก่ออันตรายหรือไม่ การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เสี่ยงต่อการแพ้ ระคายเคือง หรือเกิดอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว ที่สำคัญยังไม่มีหน่วยงานรัฐใดรับรองความปลอดภัยให้ หากเกิดปัญหาก็ยากที่จะตามหาความรับผิดชอบจากผู้ประกอบการ
สำหรับผู้บริโภคที่เสียหายจากการเข้ารับบริการเสริมความงาม สามารถปรึกษา – ร้องเรียนกับ สภาผู้บริโภคได้ที่ สายด่วน 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ได้ที่ www.tcc.or.th
นางสาวชญาธร ดอนกิจภัย หนึ่งในผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่า ตัดสินใจลงทุนแฟรนไชส์ดังกล่าวหลังจากเห็นโฆษณาในเฟซบุ๊ก เมื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่ามีโฆษณาในโทรทัศน์ และบุคคลที่โฆษณาแฟรนไชส์มีภาพถ่ายกับบุคคลมีชื่อเสียงที่น่าเชื่อถือ เช่น อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทว่าหลังเปิดกิจการกลับพบความผิดปกติ โดยจุดสังเกตแรกคือเรื่องใบรับรอง ซึ่งเป็นเพียงกระดาษใบเดียวและเป็นเอกสารที่ออกโดยบริษัทฯ ไม่ได้ออกโดยหน่วยงานรัฐแต่อย่างใด
“ตอนแรกที่มีลูกค้าเข้ามาบอกเราว่าใช้บริการแล้วแพ้ เรายังไม่เชื่อ เพราะมั่นใจในผลิตภัณฑ์เนื่องจากราคาที่แพง และมั่นใจในบริษัท แต่เมื่อมีลูกค้าที่แพ้หลายราย ก็เลยลองเอาไปเสิร์ชดู ค้นหาเลข อย. ยิ่งค้นก็ยิ่งไม่เจอ”
ทั้งนี้ ผู้เสียหายเล่าอีกว่า เมื่อมีลูกค้าแพ้ผลิตภัณฑ์หลายราย จึงนำชื่อผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบและพบว่าหลายรายการไม่มีเลข อย. สุดท้ายจึงปิดสถานบริการตั้งแต่ปี 2566 และเริ่มร้องเรียนต่อหน่วยงานต่าง ๆ อีกทั้งมีเจ้าของสถานเสริมความงาม แม็กฟิน อีก 3 แห่ง ที่พบปัญหาเดียวกันจนในที่สุดต้องปิดกิจการ ทำให้มีเจ้าของกิจการที่ลงทุนซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วต้องปิดกิจการทั้งหมด 4 แห่ง จึงดำเนินการออกมาร้องหน่วยงานต่าง ๆ
สำหรับในช่วงที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ( สบส.), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ที่หลายหน่วยงานต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ต่อมาได้เข้ามาร้องเรียนที่สภาผู้บริโภคให้ช่วยแจ้งเตือนภัยเกี่ยวกับสถานเสริมความงามดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีผู้บริโภคที่ตกเป็นเหยื่อหรือไปทำหัตถการกับสถานเสริมความงามเหล่านั้นอีก
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )