
ประเทศใดในยุโรปที่มีการเกณฑ์หรือรับสมัครทหาร หลังรัสเซียรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ

ที่มาของภาพ : Reuters
- Creator, แพทริค แจ็คสัน,
- Creator, เอ็มม่า บรานคาติซาโน,
บุนเดิสทาค (Bundertag) หรือรัฐสภาของเยอรมนี ลงมติให้มีการใช้ระบบการรับราชการทหารแบบสมัครใจ เพื่อเสริมสร้างการป้องกันประเทศ หลังจากรัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบ
สิ่งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวทางของกองทัพเยอรมนีอย่างมีนัยสำคัญ และสอดคล้องกับการผลักดันของนายกรัฐมนตรีฟรีดริช แมร์ซ ที่ต้องการสร้างกองทัพแบบดั้งเดิมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทำให้ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2026 เป็นต้นไป เยาวชนอายุ 18 ปี ทุกคนในเยอรมนีจะได้รับแบบสอบถามว่ามีความสนใจและเต็มใจที่จะเข้าร่วมกองทัพหรือไม่ แบบฟอร์มนี้จะเป็นข้อบังคับสำหรับผู้ชาย และถามความสมัครใจสำหรับผู้หญิง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนีลงมติสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการรับราชการทหารด้วยคะแนน 323 ต่อ 272 ทำให้เยอรมนีเป็นประเทศในยุโรปล่าสุดที่นำระบบการรับราชการทหารรูปแบบใหม่มาใช้
การลงมติดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางการประท้วงของนักเรียนตามโรงเรียนต่าง ๆ ในเยอรมนี
เมื่อเดือนที่แล้ว ฝรั่งเศสก็ประกาศว่าจะใช้การฝึกทหารแบบสมัครใจเป็นเวลา 10 เดือน สำหรับเยาวชนอายุ 18 และ 19 ปี
รัฐบาลของฝรั่งเศสบอกว่าจะพยายามทำให้การรับราชการทหารอยู่ในรูปแบบสมัครใจให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เดือน ก.ค. 2027 เป็นต้นไป ชายวัย 18 ปีทุกคนจะต้องเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อประเมินสภาพความพร้อมสำหรับการรับราชการทหารในอนาคต
บรรดาชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต (NATO) ที่ทรงอิทธิพลในยุโรปบางประเทศ กำลังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพของตนเองผ่านโครงการรับราชการทหารแบบสมัครใจ
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุดCease of ได้รับความนิยมสูงสุด
กองทัพที่มาจากการเกณฑ์ทหารจำนวนมาก เคยเป็นลักษณะเด่นของประเทศสมาชิกนาโตในช่วงสงครามเย็น แต่ขนาดของกองทัพลดลงหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
อย่างไรก็ตาม เมื่อรัสเซียรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2022 และสงครามยังคงดำเนินอยู่ มันได้จุดชนวนความหวาดกลัวในชาติสมาชิกนาโตว่ารัสเซียจะโจมตีพวกเขาในอนาคต
ในบทความนี้ บีบีซีพาไปสำรวจว่ากระแสเปิดรับสมัครทหารใหม่กำลังเกิดขึ้นใน 30 ประเทศสมาชิกนาโตอย่างไร และมีประเทศใดบ้างที่กองทัพยังคงใช้การเกณฑ์ทหารอยู่
ประเทศใดให้เกณฑ์ทหารบ้าง ?
มีการใช้ระบบเกณฑ์ทหารใน 9 ประเทศสมาชิกนาโตในยุโรป ได้แก่ เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ กรีซ ลัตเวีย ลิทัวเนีย นอร์เวย์ สวีเดน และ ตุรกี
ตุรกีถือเป็นกองทัพใหญ่อันดับสองในชาติพันธมิตรด้านความมั่นคงของนาโต รองจากสหรัฐอเมริกา และในตุรกีผู้ชายอายุระหว่าง 20 – 41 ปี ต้องเข้ารับราชการทหารเป็นเวลา 6 – 12 เดือน
เมื่อเปรียบเทียบกัน นอร์เวย์เกณฑ์ทหารทั้งชายและหญิง โดยมีช่วงเวลาของการรับราชการทหารทั่วไปเป็นเวลา 12 เดือน
โครเอเชียมีแผนจะนำระบบเกณฑ์ทหารกลับมาใช้ในปีหน้า โดยจะบังคับให้ผู้ชายอายุ 19 – 29 ปีต้องเข้ารับการฝึกทหารขั้นพื้นฐานเป็นเวลา 2 เดือน
ประเทศสมาชิกนาโตอื่น ๆ ไม่มีการเกณฑ์ทหาร แต่มีกองทัพที่เป็นมืออาชีพแทน
สหราชอาณาจักรซึ่งมีกำลังทางทหารแบบดั้งเดิมโดยแข่งขันกับฝรั่งเศสหรือเยอรมนี (และเป็นประเทศสมาชิกนาโตในยุโรปเพียงประเทศเดียวร่วมกับฝรั่งเศสที่มีอาวุธนิวเคลียร์) พึ่งพากองทัพมืออาชีพเป็นหลัก
สิ่งที่ทำให้สหราชอาณาจักรมีความโดดเด่นในหมู่สมาชิกนาโต คือ การเปิดรับสมัครเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยผู้ที่มีอายุ 16 ปี สามารถเข้าร่วมกองทัพได้ หากได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง
สำหรับแอลเบเนีย เช็ก ฮังการี อิตาลี ลักเซมเบิร์ก มอนเตเนโกร มาซิโดเนียเหนือ โปรตุเกส สโลวาเกีย สโลวีเนีย และ สเปน ต่างก็มีระบบกองทัพมืออาชีพเช่นกัน
ไอซ์แลนด์ไม่มีหน่วยทหารประจำการ แต่หน่วยยามชายฝั่งของประเทศทำหน้าที่ด้านกลาโหมในบางส่วน

ประเทศใดที่ใช้ระบบสมัครใจ ?
เมื่อต้นเดือนนี้ กระทรวงกลาโหมของเบลเยียมส่งจดหมายถึงเยาวชนอายุ 17 ปี เพื่อเชิญชวนให้สมัครเข้ารับราชการทหาร โดยเสนอค่าตอบแทนประมาณ 2,000 ยูโรต่อเดือน (ราว 74,000 บาท)
โครงการรับราชการทหารแบบสมัครใจของประเทศนี้ซึ่งจะเริ่มขึ้นในปีหน้า มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนกำลังสำรองในกองทัพจากประมาณ 6,000 คน เป็น 20,000 คน
เนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเบลเยียม เริ่มใช้ระบบรับราชการทหารแบบสมัครใจตั้งแต่ปี 2023 เพื่อสนับสนุนกองทัพอาชีพของตน
โปแลนด์ หนึ่งในชาติสมาชิกนาโตที่มีกองทัพใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง เริ่มการฝึกทหารขั้นพื้นฐานแบบสมัครใจเป็นเวลา 1 เดือนในปี 2024 โดยในปีนี้ นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ประกาศแผนที่จะจัด “การฝึกทหารขนาดใหญ่สำหรับชายทุกคนที่บรรลุนิติภาวะ” ในประเทศด้วย
เขากล่าวว่า “เรากำลังพูดถึงความจำเป็นที่จะต้องมีกองทัพขนาดครึ่งล้านคนในโปแลนด์ รวมถึงกำลังสำรองด้วย”
ในปี 2020 บัลแกเรียนำระบบรับราชการทหารแบบสมัครใจมาใช้สำหรับประชาชนอายุไม่เกิน 40 ปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ส่วนโรมาเนียมีแผนจะนำระบบรับราชการทหารแบบสมัครใจเป็นเวลา 4 เดือนมาใช้ในปีหน้า
เยอรมนีวางแผนสร้าง “กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป” อย่างไร ?
เยอรมนียุติระบบเกณฑ์ทหารบังคับเมื่อปี 2011 แต่ขณะนี้รัฐสภาได้ลงมติสนับสนุนการนำระบบรับราชการทหารแบบสมัครใจกลับมาใช้
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ด้านความมั่นคงเลวร้ายลงหรือมีผู้สมัครไม่เพียงพอ ทางการอาจพิจารณารูปแบบการเกณฑ์ภาคทหารบังคับ
กฎหมายใหม่ของเยอรมนีจะกำหนดให้ชายอายุ 18 ปีทุกคนต้องกรอกแบบสอบถามว่ามีความเต็มใจและสามารถเข้าร่วมกองทัพได้หรือไม่ และตั้งแต่เดือน ก.ค. 2027 พวกเขาจะต้องเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อประเมินความเหมาะสมในการรับราชการทหาร
หากเกิดสงคราม กองทัพเยอรมนีจะสามารถใช้ข้อมูลจากแบบสอบถามและผลตรวจร่างกายเพื่อคัดเลือกผู้สมัครที่มีศักยภาพได้
นายกรัฐมนตรีฟรีดริชกล่าวว่า เขาต้องการสร้าง “กองทัพแบบดั้งเดิมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป”
แผนดังกล่าวคือการขยายกองทัพจากจำนวนกำลังพลประจำการปัจจุบัน 183,000 นาย เป็น 260,000 นาย ภายในปี 2035 พร้อมกับกำลังสำรองอีก 200,000 นาย
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา นักเรียนในเยอรมนีประมาณ 90 เมืองทั่วประเทศ เข้าร่วมการนัดหยุดเรียนเพื่อประท้วงการลงมติในกฎหมายฉบับดังกล่าว โดยบางคนใช้สโลแกนว่า “อย่าให้ตัวเองถูกใช้เป็นเบี้ยในสงคราม”
ผลสำรวจล่าสุดของฟอร์สา (Forsa) เกี่ยวกับความคิดเห็นสาธารณะในเยอรมนีสำหรับนิตยสารชเทิร์น (Stern) ระบุว่า แม้กว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามสนับสนุนการเกณฑ์ทหารบังคับ แต่การคัดค้านเพิ่มขึ้นเป็น 63% ในกลุ่มอายุ 18 – 29 ปี

รัฐบาลฝรั่งเศสมีข้อเสนออะไรให้กับคนหนุ่มสาวบ้าง ?
ฝรั่งเศสยกเลิกการเกณฑ์ทหารภาคบังคับไปเมื่อ 25 ปีก่อน โดยปัจจุบันมีกำลังพลประจำการราว 200,000 นาย และกำลังสำรองอีก 47,000 นาย
โครงการใหม่ของประเทศนี้มีแผนเพิ่มทหารในรูปแบบสมัครใจเข้ามาในโครงสร้างของกองทัพ โดยจะเชิญชายและหญิงวัยหนุ่มสาวเข้ารับการฝึกทหารแบบมีค่าตอบแทนเป็นเวลา 10 เดือน
“การบริการชาติ (national provider)” รูปแบบใหม่นี้จะเริ่มทยอยใช้ตั้งแต่ฤดูร้อนปีหน้า โดยมุ่งเน้นไปที่เยาวชนอายุ 18 และ 19 ปี ซึ่งจะได้รับเงินอย่างน้อย 800 ยูโรต่อเดือน (ประมาณ 30,000 บาท)
ในระยะแรก จำนวนผู้เข้าร่วมจะถูกจำกัดไว้ที่ 3,000 คนในปีหน้า แต่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 50,000 คนภายในปี 2035
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กล่าวขณะประกาศแผนดังกล่าวว่า “วิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงอันตรายคือการเตรียมพร้อม เราต้องระดม ระดมคนในชาติเพื่อป้องกันตนเอง เพื่อให้พร้อมรับมือ และเพื่อให้ยังคงได้รับความเคารพ”
ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการเกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ ผลสำรวจของเอลาบ (Elabe) พบว่า 73% สนับสนุนมาตรการนี้ แต่คนหนุ่มสาวอายุ 25-34 ปี สนับสนุนน้อยที่สุด ทว่าแม้แต่ในกลุ่มอายุนี้ ก็ยังมีผู้เห็นด้วยมากถึง 60%
ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปเป็นเช่นไร ?
ชาติยุโรปประเทศอื่น ๆ ใช้วิธีการที่หลากหลายในการจัดหากำลังพลให้กับกองทัพ โดยประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สมาชิกนาโตมีรูปแบบดังนี้
- ออสเตรียมีระบบรับราชการทหารภาคบังคับสำหรับผู้ชายอายุระหว่าง 18 – 35 ปี ซึ่งต้องรับราชการประมาณ 6 เดือน หรือเข้าร่วมการบริการทางเลือก ส่วนผู้หญิงสามารถสมัครใจเข้ารับราชการทหารได้
- ไซปรัสมีระบบรับราชการทหารภาคบังคับสำหรับชายทุกคนที่มีอายุมากกว่า 18 ปี รวมถึงบางคนที่มีเชื้อสายไซปรัส ส่วนผู้หญิงเพิ่งสามารถสมัครเข้ารับราชการได้ หลังจากกฎหมายผ่านรัฐสภาในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
- สาธารณรัฐไอร์แลนด์กับมอลตา มีกองทัพอาชีพ
ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งไม่ใช่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ระบุว่าพลเมืองชายอายุ 18 – 30 ปี ต้องเข้ารับราชการทหาร หรือเข้าร่วมการป้องกันพลเรือน หรือการบริการพลเรือนทางเลือก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสวิตเซอร์แลนด์ลงคะแนนเสียงปฏิเสธข้อเสนอที่จะขยายการบริการชาติให้ครอบคลุมกลุ่มประชากรหญิง ไม่ว่าจะเป็นในกองทัพ ทีมป้องกันพลเรือน หรือรูปแบบอื่น ๆ












